posttoday

เครื่องซีทีสแกนสนามบิน ความหวังใหม่สกัดแบนแล็ปท็อป

04 มิถุนายน 2560

เครื่องสแกนแบบใหม่ที่สแกนวัตถุอย่างละเอียดอาจทำให้ผู้โดยสารสามารถนำแล็ปท็อปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องได้

โดย...นรินรัตน์ พรหมพิทักษ์

เมื่อไม่นานนี้ ความวิตกเรื่องการห้ามนำแล็ปท็อปหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขึ้นเครื่องบินได้กลับมาอีกครั้ง หลังมีข่าวว่ารัฐบาลสหรัฐกำลังพิจารณาขยายการแบนอุปกรณ์ดังกล่าวในทุกเที่ยวบินที่เดินทางเข้าออกประเทศ เพราะต้องการเพิ่มมาตรการเตรียมรับมือภัยก่อการร้าย 

อย่างไรก็ดี ความเคลื่อนไหวล่าสุดของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ความปลอดภัยสนามบิน ที่กำลังพัฒนาเครื่องสแกนกระเป๋าแบบใหม่ อาจเป็นหนทางช่วยให้รัฐบาลสหรัฐไม่ต้องประกาศขยายการแบนดังกล่าวเพิ่มก็เป็นได้ เนื่องจากเครื่องสแกนแบบใหม่ที่สแกนวัตถุอย่างละเอียดนั้น อาจทำให้ผู้โดยสารสามารถนำแล็ปท็อปและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องบินได้ 

ล่าสุดนั้น เครื่องสแกนกระเป๋าดังกล่าวของ อินเทอเกรท ดีเฟนซ์ แอนด์ซิเคียวริตี้ส์ โซลูชั่น (ไอดีเอสเอส) ผ่านการทดสอบเบื้องต้นจากหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐแล้ว ขณะที่บริษัทดังกล่าวรายใหญ่แห่งอื่นในประเทศกำลังยื่นเรื่องต่อหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการเดินทาง (ทีเอสเอ) ให้เข้ามาทดสอบเครื่องสแกนกระเป๋าแบบใหม่ของบริษัทด้วยเช่นกัน 

ทั้งนี้ เครื่องสแกนดังกล่าวให้ภาพที่คมชัดกว่าแบบปัจจุบัน จากการนำเทคโนโลยีซีทีสแกนที่ใช้ทางการแพทย์มาปรับใช้กับเครื่อง โดยกล้องเอกซเรย์ที่หมุนได้รอบทิศทางสามารถจับภาพชิ้นส่วนวัตถุในกระเป๋าได้กว่า 1,000 ภาพจากมุมต่างๆ ช่วยให้เครื่องคอมพิวเตอร์สร้างภาพที่มีความละเอียดสูงแบบสามมิติ นอกจากนี้เครื่องดังกล่าวยังคำนวณความหนาแน่นของวัตถุได้ด้วย หมายความว่าสามารถตรวจจับการซุกซ่อนวัตถุระเบิดขนาดเล็กได้อย่างอัตโนมัติ รวมถึงของเหลวและเจลต่างๆ ด้วย

ขณะเดียวกัน บรรดาบริษัทผลิตอุปกรณ์ความปลอดภัยหลายรายมองว่าการติดตั้งเครื่องซีทีสแกนแบบใหม่ที่จุดตรวจกระเป๋าจะช่วยย่นระยะเวลาการตรวจสอบได้ราว 50% เพราะเครื่องรุ่นใหม่มีอัตราการแจ้งเตือนผิดพลาดน้อยกว่าเครื่องที่ใช้ระบบเอกซเรย์ทั่วไป และทำให้เจ้าหน้าที่ไม่ต้องมาเสียเวลาตรวจกระเป๋าเอง

ด้านทีเอสเอเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจกับประเด็นการแบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเริ่มทดสอบการทำงานของเครื่องสแกนกระเป๋าแบบใหม่ที่สนามบิน 10 แห่งทั่วสหรัฐเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา

แต่การติดตั้งเครื่องสแกนแบบใหม่นี้ในสนามบินทั่วสหรัฐยังไม่น่าจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะหากจะเริ่มใช้งานเครื่องดังกล่าวจริง รัฐบาลสหรัฐต้องจ่ายเงินซื้อเครื่องหลายพันเครื่อง คิดเป็น 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.4 หมื่นล้านบาท) อีกทั้งทางสนามบินจำเป็นต้องอัพเกรดระบบโครงสร้างพื้นฐานบางอย่าง เนื่องจากเครื่องดังกล่าวใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าเครื่องรุ่นปัจจุบัน

นอกจากนี้ เครื่องดังกล่าวที่ใช้เทคโนโลยีซีทีสแกน ก่อให้เกิดความวิตกเรื่องปัญหารังสีสะสม ทำให้ทางการต้องทดสอบอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน

“แม้เครื่องสแกนเทคโนโลยีซีทีจะช่วยยกระดับความปลอดภัยได้อย่างมาก และลดความยุ่งยากของผู้โดยสาร แต่เราต้องทดสอบมากขึ้นให้แน่ใจก่อนจะดำเนินการติดตั้งทั่วประเทศ เครื่องดังกล่าวไม่เพียงแค่ต้องมีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดทางเทคนิคเท่านั้น แต่ยังต้องได้มาตรฐานด้านความปลอดภัยและกระบวนการดำเนินงานด้วย”ไมเคิล อิงแลนด์ โฆษกทีเอสเอ กล่าว

ภาพ...เอเอฟพี