เทคโนโลยี VR ช่วยนักศึกษาแพทย์ฝึกแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ป่วย
MPathic VR ช่วยให้บรรดานักศึกษาแพทย์ซ้อมรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก เพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
MPathic VR ช่วยให้บรรดานักศึกษาแพทย์ซ้อมรับมือกับสถานการณ์ยากลำบาก เพื่อการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
การแจ้งข่าวร้ายไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นคุณผู้อ่านจะทำอย่างไรถ้าต้องบอกกับคนที่อยู่ตรงหน้าว่าเขาเหลือชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกแค่ 3 เดือนเท่านั้น หรือลูกของเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว หลังการผ่าตัด มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด และไม่ใช่เราทุกคนที่จะได้ทำหน้าที่แจ้งข่าวอันไม่พึงประสงค์นี้บ่อยนัก แต่ไม่ใช่กับบรรดาแพทย์ผู้ต้องทำงานอยู่กับความเป็นความตายตลอดเวลา
ด้วยเทคโนโลยีภาพเสมือนจริงที่เรียกกันว่า MPathic VR อุปกรณ์นี้จะทำหน้าที่เป็นหลักสูตรฝึกหัดให้บรรดานักศึกษาแพทย์ทั้งหลาย เรียนรู้วิธีการแจ้งข่าวร้ายอย่างเหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการวินิจฉัยโรคมะเร็ง หรือการเสียชีวิตจากการรักษาก็ตาม เทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Medical CyberWorlds โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้บรรดาแพทย์ฝึกหัดเหล่านี้เตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นจริง ซึ่งผลการศึกษาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาชี้ชัดว่า นักศึกษาแพทย์ที่ผ่านการฝึกฝนจาก MPathic VR รู้สึกว่าตนเองมีทักษะ และความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นในการสื่อสาร
นักเรียนแพทย์ทดลองแจ้งข่าวร้ายว่าผู้ป่วยเป็นลูคิเมีย กับ MPathic VR
สำหรับขั้นตอนการเรียนรู้ นักศึกษาแพทย์จะสนทนาแบบเรียบไทม์กับคาแรคเตอร์ใน VR พวกเขาจะต้องตีความสิ่งที่ตัวละครพูด และภาษากายของตัวละคร เพื่อรับรู้ว่าขณะนั้นตัวละครกำลังรู้สึกอย่างไร และควรตอบสนองด้วยการกล่าวสิ่งใดต่อ ซึ่งปฏิกิริยาของตัวละครใน VR นั้นจะถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ผ่านสีหน้า แววตา น้ำเสียงอย่างเหมือนจริงที่สุด พร้อมกันนั้น VR เองก็จะพิจารณาสิ่งที่นักศึกษาพูด อารมณ์ และภาษากายของพวกเขาเช่นกัน ซึ่งหากสถานการณ์ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ในท้ายที่สุดระบบจะมีปุ่ม Reset ให้กด เพื่อเริ่มใหม่ เหมือนเล่นเกม ซึ่งสิ่งนี้ไม่อาจทำได้ในชีวิตจริง
หลังการฝึกฝน แพทย์ฝึกหัดเหล่านี้จะเรียนรู้ถึงการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพแก่ผู้ป่วยมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ไม่น่าแปลกใจว่าการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จนั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ชี้ว่าระบบบริการสุขภาพนั้นๆเป็นระบบที่ดี ผลสำรวจก่อนหน้าระบุว่าการสื่อสารที่แย่ระหว่างเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ และผู้ป่วยนำไปสู่การรักษาพยาบาลที่ผิดพลาดได้ ซึ่งข้อมูลจาก CyberWorlds การรักษาพยาบาลที่ผิดพลาดคร่าชีวิตผู้ป่วยมากถึง 210,000 - 440,000 ทุกปี
นอกจากนั้นนักศึกษายังได้สามารถฝึกฝนในการรับมือกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอื่นๆอีก 2 สถานการณ์จากเทคโนโลยี VR นี้เช่น การทำงานร่วมกับพยาบาลที่กำลังหงุดหงิดเพราะทิ้งให้เข้าเวรคนเดียว กับการเผชิญกับครอบครัวที่กำลังขัดแย้งกันในการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น
ด้านทางผู้ผลิตเองระบุว่าเทคโนโลยีของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพในการทำงานจริง มากกว่าการฝึกอบรมแบบเดิมๆ รวมทั้งยังมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในวงการแพทย์ ก่อนหน้านี้ในหลายวิทยาลัยก็ใช้เทคโนโลยี VR ในการจำลองอวัยวะภายในร่างกาย เพื่อฝึกซ้อมมือให้แก่การผ่าตัดมาแล้ว
ตัวอย่างสถานการณ์จำลองอื่นๆ จากเทคโนโลยี VR
ขอบคุณวิดีโอจาก Codefilms