posttoday

ไทยยื่น UNSC! ประท้วงกัมพูชาต่อเนื่อง: วางทุ่นระเบิด-จงใจยิง

17 พฤศจิกายน 2568

ทูตไทยยื่น UNSC ประท้วงกัมพูชา ชี้ วางทุ่นระเบิด PMN-2 ใหม่ทำทหารพิการ และ จงใจเปิดยิงในดินแดนไทย การกระทำปฏิปักษ์ต่อเนื่อง ละเมิดสนธิสัญญา/อธิปไตย

KEY

POINTS

  • ไทยยื่นหนังสือประท้วงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ต่อการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา
  • การประท้วงมีสาเหตุจากเหตุการณ์ที่กัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่จนทหารไทยบาดเจ็บสาหัส และการจงใจเปิดฉากยิงใส่ทหารไทยในดินแดนไทย
  • ไทยได้ระงับการดำเนินการตามข้อตกลงสันติภาพบางส่วน และเรียกร้องให้ประชาคมโลกกดดันให้กัมพูชายุติการกระทำที่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ

 

เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ได้ยื่นจดหมายถึงเอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรเซียร์ราลีโอนประจำสหประชาชาติ ในฐานะประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ประจำเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2025 เพื่อแจ้งให้สมาชิกทราบถึงพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับการกระทำที่ต่อเนื่องของกัมพูชาที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุต่อประเทศไทย
 

หนังสือดังกล่าวระบุถึงการกระทำของกัมพูชาที่ขัดต่อความมุ่งมั่นในการยุติสถานการณ์ชายแดนอย่างสันติ และเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

ภูมิหลังและความร่วมมือที่ถูกบ่อนทำลาย

จดหมายจากเอกอัครราชทูตฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2568 ไทยและกัมพูชาได้ลงนามใน "ถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรไทยและนายกรัฐมนตรีราชอาณาจักรกัมพูชา" ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยมีนายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นคนกลาง ซึ่งนับเป็นพัฒนาการสำคัญในการยุติสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างสันติ

นับตั้งแต่การลงนามดังกล่าว ประเทศไทยได้ดำเนินมาตรการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อยึดมั่นต่อคำมั่นที่ให้ไว้ โดยมุ่งขับเคลื่อนการดำเนินการตามถ้อยแถลงด้วยจิตวิญญาณแห่งการอยู่ร่วมกันฉันมิตร และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ 

รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติอย่างสัมบูรณ์ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังมีความร่วมมือด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม โดยมีการจัดตั้งคณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF) และได้เห็นชอบพื้นที่เป้าหมายลำดับแรกในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดในจังหวัดสระแก้วของไทยแล้ว

การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุของกัมพูชา

เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่เพียงสองสัปดาห์หลังการลงนามถ้อยแถลงฯ และท่ามกลางพัฒนาการเชิงบวกด้านความร่วมมือเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ได้เกิดเหตุการณ์รุนแรง 2 ครั้ง
ทุ่นระเบิดใหม่เอี่ยมที่กัมพูชานำมาวางตามแนวชายแดน

1. เหตุทุ่นระเบิดที่วางใหม่ (การละเมิดสนธิสัญญา): เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 เวลา 9.30 น. ทหารไทยจากกองร้อยทหารราบที่ 1161 ได้เหยียบทุ่นระเบิดประเภท PMN-2 ที่ถูกวางใหม่ ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย อ. กันทรลักษ์ จ. ศรีสะเกษ เหตุการณ์นี้ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บสาหัส 4 นาย โดยหนึ่งนายต้องสูญเสียขาขวา

  • การละเมิดสนธิสัญญา: ประเทศไทยย้ำว่า การใช้ทุ่นระเบิดของกัมพูชาอย่างต่อเนื่องถือเป็นการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าและผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นการ ละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล (APMBC) กฎบัตรสหประชาชาติ ข้อ 2(4) และอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับทุ่นระเบิดในแผ่นดินไทยแล้ว 7 ครั้ง ทำให้ทหารไทยรวม 7 นายพิการถาวร โดยแต่ละนายต้องสูญเสียขา
  • ประเทศไทยได้มีหนังสืออย่างเป็นทางการเพื่อรายงานเหตุการณ์นี้และแสดงความกังวลต่อการละเมิดอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่องของกัมพูชาต่อประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 22 แล้ว

2. การจงใจเปิดฉากยิง (การละเมิดอธิปไตย): เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2568 เวลา 16.10 น. ทหารกัมพูชาได้ จงใจเปิดยิงใส่ทหารไทย ที่ประจำการในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อ. โคกสูง จ. สระแก้ว ซึ่งอยู่ในดินแดนของไทย การกระทำนี้ถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทยอย่างชัดเจน

  • ทหารไทยมีความจำเป็นต้องยิงเตือนกลับด้วยอาวุธเล็กเพื่อป้องกันตนเองตามหลักการความจำเป็นและได้สัดส่วนอย่างเคร่งครัด การยิงตอบโต้ดำเนินถึงเวลา 16.15 น. โดยฝ่ายกัมพูชายิงรวม 30 นัด ก่อให้เกิดความเสียหายต่อฝ่ายไทย ต่อมา เมื่อเวลา 17.55 น. มีเสียงปืนกลประมาณ 5 นัดจากฝั่งกัมพูชา แต่ฝ่ายไทยไม่ได้ยิงตอบโต้
  • ประเทศไทยเน้นย้ำว่า การดำเนินการตอบโต้ของไทยต่อการยั่วยุรอบนี้เป็นการใช้สิทธิ์โดยชอบธรรมในการป้องกันตนเอง โดยสอดคล้องอย่างสัมบูรณ์กับกฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติ

การบิดเบือนข้อเท็จจริงและการระงับการดำเนินการ

จดหมายระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าตำหนิอย่างยิ่งที่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนกัมพูชาได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ โดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นผู้ริเริ่มเหตุการณ์ ซึ่งไทยมองว่าการกระทำนี้เป็นการยั่วยุที่ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากความรับผิดชอบต่อเหตุทุ่นระเบิดที่เกิดขึ้นล่าสุด ไทยขอปฏิเสธอย่างสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาที่ไร้มูลความจริงของกัมพูชา

การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุอย่างต่อเนื่องของกัมพูชามีแต่จะเพิ่มความตึงเครียดและเป็นการ ละเมิดอย่างชัดแจ้งต่อพันธกรณีที่มีร่วมกันภายใต้ถ้อยแถลงฯ การกระทำดังกล่าวขัดขวางความพยายามในการส่งเสริมการแก้ปัญหาสถานการณ์อย่างสันติ และเป็นการกัดกร่อนความไว้วางใจ

ด้วยเหตุนี้ ประเทศไทยจึงถูกบีบให้ต้องระงับการดำเนินการตามถ้อยแถลงฯ เท่าที่เหมาะสม จนกว่าจะสามารถมั่นใจในความจริงใจและสุจริตใจของกัมพูชาได้

คำมั่นของไทยและการเรียกร้องต่อประชาคมโลก

แม้จะมีการรุกรานและเป็นปฏิปักษ์โดยเจตนาจากกัมพูชา แต่ไทยจะยังคงใช้ความอดกลั้นอย่างสูงสุดในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน และจะยังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธี อย่างไรก็ตาม ไทยจะยังคงดำเนินการในส่วนที่เป็นองค์ประกอบสำคัญสองประการของถ้อยแถลงฯ ต่อไป คือ การเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม ซึ่งจำเป็นต่อการปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์ และการต่อสู้กับเครือข่ายหลอกลวงข้ามชาติ

ในการนี้ ประเทศไทย ร้องขอประชาคมระหว่างประเทศให้เรียกร้องต่อกัมพูชาให้รับผิดชอบอย่างเต็มที่และยุติการกระทำอันเป็นปฏิปักษ์และการยั่วยุทั้งหมด ที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชนชาวไทยและถือเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศไทยอย่างชัดเจน กัมพูชาจะต้องเคารพและดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศและกฎบัตรสหประชาชาติโดยทันที ด้วยสุจริตใจและจริงใจเพื่อแสวงหาเส้นทางสู่สันติภาพกับไทย

เอกอัครราชทูตฯ ได้ขอความอนุเคราะห์ให้เวียนจดหมายฉบับนี้ รวมถึงเอกสารแนบ แก่สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ทุกประเทศในฐานะเอกสารของคณะมนตรีความมั่นคงฯ
ไทยยื่น UNSC! ประท้วงกัมพูชาต่อเนื่อง: วางทุ่นระเบิด-จงใจยิง ไทยยื่น UNSC! ประท้วงกัมพูชาต่อเนื่อง: วางทุ่นระเบิด-จงใจยิง ไทยยื่น UNSC! ประท้วงกัมพูชาต่อเนื่อง: วางทุ่นระเบิด-จงใจยิง

ข่าวล่าสุด

รมว.อรรถกร แจงดราม่าป้ายซีเกมส์ ย้ำไม่ใช่งบ กกท. พร้อมพิธีเปิด