posttoday

“ ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ว่าที่นายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

05 ตุลาคม 2568

ซานาเอะ ทาคาอิจิ กำลังจะกลายเป็นผู้หญิงคนแรก ที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศอนุรักษ์นิยมที่ผู้ชายเป็นใหญ่

KEY

POINTS

  • ซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองสายอนุรักษนิยม ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ทำให้เธออยู่ในเส้นทางที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
  • เธอมีแนวคิดชาตินิยม โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก มาร์กาเร็ต แธตเชอร์ และสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อขยายบทบาทของกองกำลังป้องกันตนเอง
  • ด้านนโยบายเศรษฐกิจ เธอสนับสนุนแนวทาง "อาเบะโนมิกส์" ส่วนด้านสังคม เธอคัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน และการอนุญาตให้คู่สมรสใช้นามสกุลต่างกัน

นางซานาเอะ ทาคาอิจิ นักการเมืองสายอนุรักษนิยมวัย 64 ปี สามารถคว้าชัยชนะเหนือคู่แข่งชายในการแข่งขันชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้เธออยู่บนเส้นทางที่จะก้าวขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น โดยได้รับแรงบันดาลใจจากอดีตนายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร มาร์กาเร็ต แธตเชอร์

 

ชัยชนะที่ไม่คาดคิดครั้งนี้อาจส่งแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเศรษฐกิจที่มีหนี้สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ขณะเดียวกันจุดยืนด้านชาตินิยมของเธออาจสร้างความตึงเครียดกับจีน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านผู้ทรงอิทธิพล

 

เส้นทางสู่ตำแหน่งผู้นำ

 

ทาคาอิจิเคยพ่ายแพ้ต่อ นายชิเงรุ อิชิบะ ในการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเมื่อปีก่อน แต่ครั้งนี้เธอกลับมาได้รับความไว้วางใจจาก ส.ส. พรรค LDP และเตรียมเสนอชื่อเข้าสภาเพื่อรับรองเป็นนายกรัฐมนตรีแทนที่อิชิบะ ถึงแม้พรรค LDP จะยังเป็นพรรคใหญ่ที่สุดในสภา แต่ความได้เปรียบไม่ได้แน่นอน เนื่องจากพันธมิตรฝ่ายรัฐบาลสูญเสียเสียงข้างมากทั้งสองสภาในการเลือกตั้งปีที่ผ่านมา

 

หนึ่งในภารกิจแรกหลังขึ้นดำรงตำแหน่ง คือการต้อนรับอดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นภายในเดือนนี้

“ ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ว่าที่นายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

 

“แธตเชอร์” เป็นต้นแบบ

 

ทาคาอิจิ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มักยกมาร์กาเร็ต แธตเชอร์ เป็นต้นแบบ โดยชื่นชมทั้งความเข้มแข็งและความเชื่อมั่นที่ผสมผสานกับ “ความอบอุ่นในแบบสตรี” เธอเคยมีโอกาสพบแธตเชอร์ในการสัมมนาไม่นานก่อนการเสียชีวิตของอดีตผู้นำอังกฤษในปี 2013

 

นอกจากเป็นนักการเมืองที่มีท่าทีชาตินิยมแล้ว ทาคาอิจิยังเป็นนักดนตรีตีกลองและชื่นชอบเพลงเฮฟวี่เมทัล เธอเดินทางไปยังศาลเจ้ายาสุคุนิเป็นประจำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อ่อนไหวทางประวัติศาสตร์ในสายตาของหลายประเทศเพื่อนบ้าน

 

เธอสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อรับรองบทบาทกองกำลังป้องกันตนเองที่ขยายตัวขึ้น รวมถึงเสนอแนวคิดการจัดตั้ง “พันธมิตรด้านความมั่นคงกึ่งทางการ” กับไต้หวัน

“ ซานาเอะ ทาคาอิจิ” ว่าที่นายกหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น

 

นโยบายเศรษฐกิจและสังคม

 

แม้ทาคาอิจิประกาศจะเพิ่มจำนวนรัฐมนตรีหญิง แต่ผลสำรวจชี้ว่าจุดยืนอนุรักษนิยมของเธอกลับสอดคล้องกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เธอคัดค้านการสมรสเพศเดียวกัน และไม่เห็นด้วยกับการให้คู่สมรสใช้คนละนามสกุล ซึ่งเป็นประเด็นที่ประชาชนส่วนใหญ่สนับสนุน แต่ถูกต่อต้านอย่างหนักในกลุ่มอนุรักษนิยม

 

ในด้านเศรษฐกิจ ทาคาอิจิเป็นศิษย์การเมืองของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ และผู้สนับสนุนแนวทาง “อาเบะโนมิกส์” ที่เน้นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการใช้จ่ายภาครัฐและการลดภาษี เธอได้วิจารณ์ธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และเรียกร้องมาตรการบรรเทาค่าครองชีพที่พุ่งสูง

 

เบื้องหลังชีวิต

 

ทาคาอิจิเติบโตในจังหวัดนารา โดยมีมารดาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และบิดาทำงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ เธอสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโกเบ คณะบริหารธุรกิจ และเคยเป็นเพื่อนร่วมงานในสภาคองเกรสสหรัฐฯ ก่อนจะเข้าสู่สนามการเมืองญี่ปุ่นในปี 1993 ในฐานะผู้แทนอิสระ และเข้าร่วมพรรค LDP ในปี 1996

 

เมื่อเดือนที่ผ่านมา เธอได้กล่าวปราศรัยโจมตีนักท่องเที่ยวที่ทำร้ายกวางศักดิ์สิทธิ์ในสวนสาธารณะนารา พร้อมให้คำมั่นจะจัดการกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมของชาวต่างชาติ ซึ่งสะท้อนความกังวลของชาวญี่ปุ่นต่อจำนวนนักท่องเที่ยวและผู้อพยพที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ข่าวล่าสุด

เปิดโปรแกรมวอลเลย์บอลหญิง ซีเกมส์ 2025 รอบรองฯ ไทยดวลอินโดฯ