ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาพัดขึ้นฮ่องกง หลังถล่มฟิลิปปินส์-ไต้หวัน
ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซา พายุเขตร้อนที่ทรงพลังที่สุดในโลกในปีนี้ พัดถล่มฮ่องกงทำให้เกิดฝนตกหนัก ในขณะที่ทั้งเมืองปิดตัวลง และเที่ยวบินกว่า 700 เที่ยวถูกยกเลิก
KEY
POINTS
- ซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาสร้างความเสียหายอย่างหนักในฟิลิปปินส์และไต้หวัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ และสูญหายจำนวนมาก
- ฮ่องกงและจีนตอนใต้ยกระดับการเตือนภัยสู่ระดับสูงสุด มีการอพยพประชาชนหลายแสนคนและยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากเพื่อรับมือ
- พายุมีความรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 ส่งผลให้เกิดดินถล่ม อุทกภัยฉับพลัน และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างในพื้นที่ที่พายุเคลื่อนผ่าน
ถนนหลายสายถูกทิ้งร้างในขณะที่ทางการสั่งให้ประชาชนอยู่ในบ้าน และมีคลื่นซัดเข้ามาปกคลุมบางส่วนของชายฝั่งตะวันออกและทางใต้ของศูนย์กลางทางการเงินแห่งเอเชียแห่งนี้ หลังทิ้งร่องรอยแห่งความพินาศไว้ทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งได้สร้างความเสียหายยับเยินให้กับจังหวัดทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ และตามมาด้วยโศกนาฏกรรมอุทกภัยฉับพลันในไต้หวัน
ล่าสุด ศูนย์กลางของพายุกำลังเคลื่อนตัวเข้าคุกคามหนึ่งในเขตเศรษฐกิจที่หนาแน่นที่สุดในโลกอย่างฮ่องกงและจีนตอนใต้ ทำให้ทางการต้องสั่งเตรียมความพร้อมรับมือในระดับสูงสุด มีการอพยพผู้คนหลายแสนคนและยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมาก เพื่อเผชิญหน้ากับมหันตภัยที่หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของจีนขนานนามอย่างน่าเกรงขามว่าเป็น "ราชาแห่งพายุ"
ฟิลิปปินส์เป็นชาติแรกที่ต้องเผชิญหน้ากับความรุนแรงสูงสุดของไต้ฝุ่นรากาซา หรือที่รู้จักในชื่อท้องถิ่นว่า "นันโด" พายุได้พัดเข้าถล่มพื้นที่จังหวัดทางตอนเหนือของเกาะลูซอนด้วยความรุนแรงระดับซูเปอร์ไต้ฝุ่น ส่งผลให้เกิดความเสียหายเป็นวงกว้างในทันที รายงานเบื้องต้น มีหลังคาบ้านเรือนพังถล่ม ถนนถูกตัดขาดจากดินถล่ม และระบบไฟฟ้าล่มในหลายพื้นที่ มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ราย และสูญหายอีก 4 ราย
ส่วนที่ไต้หวัน แม้จะไม่ได้ถูกศูนย์กลางของพายุพัดผ่านโดยตรง แต่ปริมาณฝนที่ตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทะเลสาบที่เมืองฮัวเหลียน เกิดจากการกั้นขวางของดินถล่ม (Barrier Lake) ได้พังทลายลง ทำให้มวลน้ำมหาศาลทะลักเข้าท่วมเมืองกวงฟู่ พัดพาสะพานขาดและรถยนต์จมอยู่ใต้น้ำอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 28 ราย และสูญหายอีก 30 ราย ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากทั่วไต้หวันกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือ
ด้านฮ่องกงไปจนถึงมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินและเทคโนโลยีระดับโลก กำลังเตรียมการรับมือในระดับสูงสุด โดยหอสังเกตการณ์ฮ่องกงได้ยกระดับการเตือนภัยเป็นสัญญาณ T10 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ส่วนที่ เมืองเซินเจิ้น (ประชากร 17.5 ล้านคน) มีแผนอพยพประชาชน 400,000 คน ขณะที่ในภาพรวมของมณฑลกวางตุ้ง (ซึ่งรวมถึงเมืองใหญ่อย่างกว่างโจวที่มีประชากร 18.6 ล้านคน) มีการอพยพประชาชนไปแล้ว 370,000 คน ซึ่งเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของประชากรทั้งหมดที่อยู่ในภาวะเสี่ยง ส่วนสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ยกเลิกเที่ยวบินกว่า 500 เที่ยว และมีการปิดสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า
ประชาชนต่างพากันเร่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับบ้านเรือนและอาคาร และแห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคจนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ตที่ว่างเปล่า โรงเรียนและธุรกิจส่วนใหญ่ปิดทำการ
มีรายงานผู้บาดเจ็บในฮ่องกงแล้วอย่างน้อย 6 ราย และมีเหตุการณ์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย 3 คนขึ้นจากทะเลได้
ทั้งนี้ พายุลูกนี้ มีความเร็วลมสูงกว่า 267 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (165 ไมล์ต่อชั่วโมง) เทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 5 และแม้จะอ่อนกำลังลงเล็กน้อยขณะเข้าใกล้จีน ก็ยังคงความรุนแรงเทียบเท่าเฮอริเคนระดับ 4 โดยมีรัศมีวงกว้างถึงประมาณ 320 กิโลเมตร (200 ไมล์) ทำให้พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมเป็นบริเวณกว้าง


