ตลาดหุ้นเอเชียร่วง หลังนโยบายการค้าสหรัฐฯ ยังคงสร้างความสับสน
ตลาดหุ้นในเอเชียปรับตัวลดลง ตามทิศทางฟิวเจอร์สวอลล์สตรีท หลังประธานาธิบดี ทรัมป์ประกาศอัตราภาษีนำเข้าจากอียูและเม็กซิโก ทำเกิดความกังวลในหมู่นักลงทุนทั่วโลก
ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า จะดำเนินการจัดเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 30% สำหรับสินค้าส่วนใหญ่จากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ทั้งนี้ แม้ว่าทั้งสองภูมิภาคยังอยู่ระหว่างการเจรจาข้อตกลงการค้า
ในฝั่งของสหภาพยุโรป มีการประกาศขยายระยะเวลาการระงับมาตรการตอบโต้ไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม และยังคงย้ำถึงความพยายามในการหาทางออกผ่านการเจรจา อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคลังของเยอรมนีระบุว่า ควรมีมาตรการตอบโต้ที่เข้มงวด หากการจัดเก็บภาษีมีผลบังคับใช้จริง
ในตลาดหุ้น ดัชนี MSCI ของหุ้นเอเชียแปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) ทรงตัว ในขณะที่ดัชนี Nikkei ของญี่ปุ่นลดลง 0.5% ด้านฟิวเจอร์สดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ต่างปรับตัวลดลง 0.4%
แนวโน้มกำไรบริษัทจดทะเบียนลดลง
ฤดูกาลรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยธนาคารรายใหญ่ของสหรัฐฯ จะเป็นกลุ่มแรกที่เปิดเผยผลการดำเนินงานในวันอังคาร ทั้งนี้ บริษัทจดทะเบียนในดัชนี S&P คาดว่าจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 5.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์เดิมที่ 10.2%
นักวิเคราะห์จากธนาคาร BofA ชี้ว่า ความคาดหวังต่อผลประกอบการในไตรมาสนี้อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับการเติบโต 13% ในไตรมาสก่อนหน้า และประเมินว่าอาจมีการรายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดเพียง 2% เท่านั้น
จับตาตัวเลขเศรษฐกิจและนโยบายภาษี
นักลงทุนกำลังรอดูตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภคของสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน ซึ่งจะประกาศในวันอังคาร โดยคาดว่าอาจสะท้อนผลกระทบเบื้องต้นจากการเก็บภาษีนำเข้า ในขณะที่ตัวเลขราคาผู้ผลิต ราคานำเข้า และยอดค้าปลีก จะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับภาระต้นทุนและพฤติกรรมของผู้บริโภค
ในฝั่งจีน จะมีการประกาศข้อมูลสำคัญหลายชุด ได้แก่ ยอดการส่งออกเดือนมิถุนายน ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรม และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
ความเคลื่อนไหวของค่าเงินและราคาสินค้าโภคภัณฑ์
เงินยูโรอ่อนค่าลง 0.2% มาอยู่ที่ระดับ 1.1665 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% เทียบกับเยนญี่ปุ่น และดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 98.008
ค่าเงินเปโซของเม็กซิโกอ่อนค่าลง 0.3% มาอยู่ที่ 18.6900 โดยประธานาธิบดีคลอเดีย ไชน์บาว์มของเม็กซิโก แสดงความมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนถึงเส้นตายในเดือนสิงหาคม
ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ 3,366 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อออนซ์ จากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนต์ปรับขึ้นเล็กน้อย 0.1% อยู่ที่ 70.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบสหรัฐฯ ขยับขึ้นเล็กน้อยเช่นกัน โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าทรัมป์อาจประกาศมาตรการคว่ำบาตรใหม่ต่อรัสเซีย ซึ่งรวมถึงภาษีสำหรับผู้ซื้อรายใหญ่


