posttoday

ไร้เงาผู้นำจีน! สี จิ้นผิง ไม่ร่วม BRICS ครั้งแรกในรอบทศวรรษ

06 กรกฎาคม 2568

ครั้งแรกในรอบทศวรรษ "สี จิ้นผิง" พลาดประชุมสุดยอด BRICS ณ นครรีโอเดจาเนโร ท่ามกลางความกังขาถึงทิศทางและบทบาทของจีนในกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่

 

การประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (BRICS) ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว ณ นครรีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิลในวันอาทิตย์นี้

 

ทว่ากลับมีปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นคือ “ไร้เงาของผู้นำประเทศสมาชิกที่ทรงอิทธิพลที่สุดอย่างจีน” ตามรายงานของ CNN

 

นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษแห่งการครองอำนาจ ที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งเป็นผู้ผลักดันให้ BRICS กลายเป็นแกนกลางสำคัญในยุทธศาสตร์การจัดระเบียบอำนาจโลกใหม่ของจีน ดันไม่เข้าร่วมการประชุมประจำปีด้วยตนเอง 

 

ไร้เงาผู้นำจีน! สี จิ้นผิง ไม่ร่วม BRICS ครั้งแรกในรอบทศวรรษ

 

การขาดหายไปของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่กลุ่ม BRICS กำลังอยู่ในจุดที่เปราะบางอย่างยิ่ง

 

เพราะตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นมา BRICS ได้ขยายสมาชิกจากเดิมที่มี บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ โดยมี อียิปต์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เอธิโอเปีย อินโดนีเซีย และอิหร่าน เข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่

 

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่ตึงเครียดอย่างมาก สมาชิกบางประเทศกำลังเผชิญกับเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาสุ่มเสี่ยงจะถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้า ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ 

 

ไม่เพียงเท่านั้น ทุกประเทศต่างต้องรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการค้าของสหรัฐฯ 

 

ด้วยสถานการณ์เช่นนี้เอง ที่ทำให้กลุ่ม BRICS จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแสดงพลังความเป็นเอกภาพให้โลกเห็นมากกว่าที่เคยเป็นมา

 

 

การตัดสินใจของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่ส่งนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ซึ่งเป็นบุคคลหมายเลขสองของรัฐบาลเข้าร่วมการประชุมแทนตนเอง

 

ถือเป็นการพลาดโอกาสทองของจีนที่จะแสดงบทบาทผู้นำทางเลือกที่แข็งแกร่ง เพื่อแข่งขันกับสหรัฐอเมริกา

 

ภาพลักษณ์ที่ปักกิ่งพยายามนำเสนอต่อกลุ่มประเทศซีกโลกใต้ (Global South) มาโดยตลอด คือการเป็นอีกขั้วอำนาจที่มั่นคง

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้นโยบาย "อเมริกาต้องมาก่อน" (America First) 

 

และการที่สหรัฐฯ ร่วมกับอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อเดือนที่แล้ว ทำให้หลายประเทศเริ่มมองหาทางเลือกอื่น 

 

การที่สี จิ้นผิง ไม่เข้าร่วมด้วยตนเอง จึงทำให้จีนพลาดโอกาสสำคัญในการตอกย้ำภาพลักษณ์ดังกล่าวบนเวทีโลก

 

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่า การไม่เข้าร่วมของสี จิ้นผิง ไม่ได้หมายความว่าปักกิ่งลดทอนความสำคัญของ BRICS หรือมองว่าเวทีนี้มีความสำคัญน้อยลงในการสร้างกลุ่มอำนาจเพื่อคานอำนาจตะวันตก

 

"BRICS ยังคงเป็นส่วนสำคัญในความพยายามของปักกิ่งที่จะสร้างหลักประกันว่าตนเองจะไม่ถูกปิดล้อมโดยพันธมิตรของสหรัฐฯ" ฉง จา เอียน (Chong Ja Ian) รองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ให้ทัศนะ

 

เขากล่าวเสริมว่า แรงกดดันจากสหรัฐฯ อาจลดลงไปบ้างในยุคของทรัมป์ ซึ่งสร้างความสั่นคลอนต่อความสัมพันธ์แม้กระทั่งกับพันธมิตรหลักของตนเอง 

 

ขณะเดียวกัน สำหรับสี จิ้นผิง แล้ว BRICS อาจไม่ใช่ "ภารกิจสำคัญสูงสุด" ในขณะนี้ เมื่อเทียบกับการที่เขาต้องทุ่มเทสมาธิเพื่อกอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจภายในประเทศ

 

นอกจากนี้ ปักกิ่งอาจประเมินแล้วว่าการประชุมครั้งนี้อาจไม่มีความคืบหน้าหรือข้อตกลงที่สำคัญเกิดขึ้น

 

ไร้เงาผู้นำจีน! สี จิ้นผิง ไม่ร่วม BRICS ครั้งแรกในรอบทศวรรษ

 

เช็คชื่อ BRICS 2025 ใครมา ใครขาด?

 

สี จิ้นผิง ไม่ใช่ผู้นำระดับสูงเพียงคนเดียวที่ไม่ได้เดินทางมายังรีโอเดจาเนโรเพื่อร่วมประชุม BRICS 2025 

 

วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งเป็นพันธมิตรคนสำคัญที่ใกล้ชิดกับจีน จะเข้าร่วมการประชุม BRICS ผ่านระบบวิดีโอทางไกลเท่านั้น 

 

การตัดสินใจนี้มีเหตุผลเดียวกับการประชุมที่แอฟริกาใต้เมื่อปี 2023 นั่นคือบราซิลในฐานะรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) มีพันธกรณีต้องจับกุมปูตินตามหมายจับของศาลในข้อหาอาชญากรรมสงครามในยูเครน

 

การขาดหายไปของสองผู้นำมหาอำนาจ ทำให้แสงสปอตไลต์สาดส่องไปที่ นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเดินทางเยือนบราซิลทั้งเพื่อการประชุมสุดยอดและการเยือนอย่างเป็นทางการ 

 

สำหรับเจ้าภาพอย่างประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ของบราซิล แม้จะผิดหวังอยู่บ้าง

 

แต่ความรู้สึกดังกล่าวอาจบรรเทาลงได้จากการที่สี จิ้นผิง เพิ่งเดินทางเยือนบราซิลเพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 และการเยือนอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา 

 

ซึ่งทั้งสองได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือหลายฉบับ ประกอบกับที่ลูลาเองก็ได้เดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนพฤษภาคม หลังจากเข้าร่วมพิธีสวนสนามของกองทัพในมอสโกเคียงข้างสี จิ้นผิง เช่นกัน

 

นักสังเกตการณ์ชี้ว่า ปัจจัยเหล่านี้ ประกอบกับการคาดการณ์ว่าจะไม่มีความคืบหน้าครั้งสำคัญในการประชุม

 

และการที่จีนต้องหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาภายในประเทศ ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้สี จิ้นผิง ตัดสินใจส่ง หลี่ เฉียง มือขวาที่ไว้ใจได้มาเป็นตัวแทน

 

ไร้เงาผู้นำจีน! สี จิ้นผิง ไม่ร่วม BRICS ครั้งแรกในรอบทศวรรษ

 

วาระสำคัญ BRICS 2025 และอนาคตการค้าโลก

 

แม้ผู้นำสูงสุดของจีนจะไม่ได้มาด้วยตนเอง แต่วาระของจีนยังคงถูกขับเคลื่อนอย่างแข็งขัน โดยคาดว่านายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง จะได้รับมอบหมายให้ผลักดันประเด็นสำคัญ เช่น

 

การกระชับความสัมพันธ์ด้านพลังงานระหว่างจีนกับสมาชิก BRICS ที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ และการผลักดันให้มีการใช้เงินหยวนในตลาดต่างประเทศและสกุลเงินดิจิทัลเพื่อการค้าภายในกลุ่มให้มากขึ้น

 

ประเด็นที่ทุกฝ่ายจับตามองมากที่สุดคือ "การลดการพึ่งพาดอลลาร์ (De-dollarization)" แนวคิดนี้เป็นที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับสมาชิกรัสเซียและอิหร่าน

 

ซึ่งถูกคว่ำบาตรอย่างหนักจากสหรัฐฯ โดยก่อนหน้านี้ ลูลาได้ตั้งเป้าหมายในการเป็นเจ้าภาพของบราซิลว่าต้องการ "เพิ่มทางเลือกในการชำระเงิน" เพื่อลด "ความเปราะบางและต้นทุน" ในระบบการเงินลง 

 

ในขณะเดียวกัน รัสเซียเองก็เคยผลักดันให้มีการพัฒนาระบบการชำระเงินข้ามพรมแดนที่เป็นอิสระเมื่อปีที่ผ่านมาเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่อง "สกุลเงิน BRICS" ที่ประธานาธิบดีลูลาเคยเสนอไว้ดูเหมือนจะเป็นประเด็นที่ไม่น่าจะถูกหยิบยกขึ้นมาหารือในการเจรจาครั้งนี้ 

 

เพราะแนวคิดนี้สร้างความไม่พอใจให้กับโดนัลด์ ทรัมป์เป็นอย่างมาก ถึงขั้นที่ทรัมป์เคยขู่ไว้เมื่อเดือนมกราคมว่าจะ "เก็บภาษี 100%" กับประเทศสมาชิก BRICS หากพวกเขาสนับสนุนเรื่องสกุลเงินนี้

 

ขณะที่บรรดาผู้นำรวมตัวกัน ณ นครริโอเดจาเนโร สายตาของทั่วโลกต่างจับจ้องไปที่ท่าทีและความมุ่งมั่นของแต่ละชาติในการผลักดันสกุลเงินของตนเองเพื่อใช้ในการค้าขาย

 

แม้การประชุมครั้งนี้จีนจะเป็นแกนนำคนสำคัญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อิทธิพลทางเศรษฐกิจโลกของสหรัฐฯ และเงินดอลลาร์ยังคงมีน้ำหนักอย่างมหาศาล

ข่าวล่าสุด

ราชวิทยาลัยฯ 'ไม่แนะนำ' ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาสายตายาวตามวัย