posttoday

ทรัมป์เมินเจรจา ส่งจดหมาย "ยื่นคำขาด" บีบ 12 ชาติ รับอัตราภาษีใหม่

05 กรกฎาคม 2568

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในจดหมาย "ยื่นคำขาด" แจ้งอัตราภาษีใหม่ถึง 12 ประเทศทั่วโลก ชี้ชะตาเศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญ จับตาวงการค้าโลกปั่นป่วนระลอกใหม่

 

สำนักข่าว REUTERS รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในจดหมายถึง 12 ประเทศ เพื่อแจ้งเตือนเรื่องอัตราภาษีศุลกากร (Tariff)  ที่แต่ละประเทศจะต้องเผชิญสำหรับสินค้าที่ส่งมายังสหรัฐฯ

 

จดหมายฉบับนี้มีลักษณะเป็นข้อเสนอแบบ "ยื่นคำขาด" หรือ "take it or leave it" ซึ่งหมายความว่าประเทศผู้รับจะต้องยอมรับข้อเสนอดังกล่าว หรือไม่เช่นนั้นก็จะเผชิญกับการปรับขึ้นภาษีศุลกากร 

 

โดยจดหมายดังกล่าวมีกำหนดจะถูกส่งออกในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

 

ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินประจำตำแหน่งประธานาธิบดี (Air Force One) ขณะเดินทางไปยังรัฐนิวเจอร์ซีย์ ทรัมป์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อของทั้ง 12 ประเทศ โดยระบุเพียงว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันจันทร์

 

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดของสงครามการค้าโลกที่สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก และบีบให้ผู้กำหนดนโยบายของแต่ละประเทศต้องเร่งหามาตรการป้องกันผลกระทบต่อเศรษฐกิจของตนเอง 

 

ก่อนหน้านี้ในเดือนเมษายน ทรัมป์ได้ประกาศใช้อัตราภาษีพื้นฐานที่ 10% และจะมีการบวกอัตราเพิ่มเติมสำหรับประเทศส่วนใหญ่ ซึ่งบางประเทศอาจต้องเผชิญกับอัตราภาษีที่สูงถึง 50%

ทรัมป์เมินเจรจา ส่งจดหมาย \"ยื่นคำขาด\" บีบ 12 ชาติ รับอัตราภาษีใหม่

 

เดิมทีอัตราภาษีส่วนเพิ่ม (ยกเว้น 10% แรก) ถูกระงับไว้ 90 วัน เพื่อเปิดทางให้มีการเจรจาทางการค้า ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้ 

 

แต่เมื่อวันศุกร์ ทรัมป์กลับส่งสัญญาณว่าอาจมีการปรับขึ้นภาษีอีก โดยบางส่วนอาจพุ่งสูงถึง 70% และส่วนใหญ่จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นไป

 

"ผมได้ลงนามในจดหมายบางฉบับ และจะถูกส่งออกไปในวันจันทร์ น่าจะประมาณ 12 ฉบับ ซึ่งเป็นจำนวนเงินและอัตราภาษีที่แตกต่างกันไป" ทรัมป์กล่าว

 

เดิมที โดนัลด์ ทรัมป์ และคณะทำงานระดับสูงเคยประกาศกร้าวว่าจะเปิดโต๊ะเจรจากับหลายสิบประเทศเรื่องอัตราภาษี

 

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเริ่มไม่สบอารมณ์กับกระบวนการนี้เสียแล้ว โดยเฉพาะหลังจากที่การเจรจากับคู่ค้ารายใหญ่อย่างญี่ปุ่นและสหภาพยุโรปไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

 

เมื่อช่วงค่ำวันศุกร์ ทรัมป์กล่าวว่า "ส่งจดหมายง่ายกว่ากันเยอะ" สะท้อนท่าทีที่เปลี่ยนไปของทำเนียบขาว พวกเขามองว่าการเจรจาข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งเรื่องกำแพงภาษีและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (เช่น การห้ามนำเข้าสินค้าเกษตร) นั้น

 

เป็นเรื่องท้าทายและต้องใช้เวลามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกรอบเวลาที่เร่งรัด ต่างจากข้อตกลงการค้าส่วนใหญ่ในอดีตที่ใช้เวลาเจรจากันหลายปี

 

จนถึงตอนนี้ สหรัฐอเมริกาบรรลุข้อตกลงทางการค้าได้เพียง 2 ฉบับ ได้แก่:

 

  • ข้อตกลงกับสหราชอาณาจักร (พฤษภาคม): ข้อตกลงนี้กำหนดอัตราภาษีไว้ที่ 10% และให้สิทธิพิเศษแก่สหราชอาณาจักรในบางภาคส่วน เช่น ยานยนต์และเครื่องยนต์อากาศยาน

 

  • ข้อตกลงกับเวียดนาม: ข้อตกลงนี้ช่วยให้เวียดนามสามารถลดภาษีสินค้าหลายรายการลงเหลือ 20% จากเดิมที่เคยถูกขู่ไว้สูงถึง 46% โดยแลกกับการที่สินค้าจำนวนมากของสหรัฐฯ จะสามารถส่งออกไปยังเวียดนามได้โดยไม่มีภาษี

 

นอกจากข้อตกลงที่คาดว่าจะทำกับอินเดียยังไม่คืบหน้าแล้ว ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ นักการทูตสหภาพยุโรป (EU) ก็เปิดเผยว่า การเจรจาการค้ากับรัฐบาลทรัมป์ยังหาข้อสรุปไม่ได้ และอาจจะต้องรักษาสถานะเดิมต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเก็บภาษีเพิ่มในที่สุด

 

ข่าวล่าสุด

ราชวิทยาลัยฯ 'ไม่แนะนำ' ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาสายตายาวตามวัย