นักวิชาการชี้ กัมพูชาวางกลยุทธ์ สร้างภาพ “ไทย” เป็นผู้รุกราน
นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ชี้ กัมพูชาดำเนินยุทธศาสตร์การทูตเชิงรุก หวังวางภาพกำลังปกป้องอธิปไตยจากการรุกราน ขณะไทยเสี่ยงเสียความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ
ผศ. ดร.ธนภัทร ชาตินักรบ ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยถึงกรณีที่รัฐบาลกัมพูชาประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากประเทศไทยว่า เป็นความพยายามของกัมพูชาในการช่วงชิงความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์และการทูต ด้วยการดำเนินมาตรการก่อนประเทศไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างภาพให้เป็นประเทศที่มีหลักการ ยึดมั่นในอธิปไตย และตอบโต้ผู้รุกรานอย่างสง่างาม
“การที่กัมพูชาดำเนินมาตรการก่อน เช่น การระงับการนำเข้า ทั้งที่ไทยยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้ เป็นการจัดฉากภาพลักษณ์ให้ตนเองดูมั่นคง ไม่ใช่ผู้ถูกรุกราน แต่เป็นประเทศที่ปกป้องอธิปไตยอย่างชอบธรรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์หากวิกฤตการณ์ยกระดับจนอาเซียนต้องเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย” ผศ. ดร.ธนภัทร กล่าว
นอกจากนี้ นักวิชาการยังระบุว่า หากประเทศไทยตอบโต้กลับด้วยมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น จนส่งผลกระทบต่อประเทศอื่นในภูมิภาค ก็อาจทำให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศ ขณะที่กัมพูชาจะกลายเป็นฝ่ายที่สามารถรักษาจุดยืนของตนไว้ได้ในฐานะผู้ปกป้องอธิปไตย
จุดมุ่งหมายเชิงการเมืองภายในและภูมิภาค
การเคลื่อนไหวของกัมพูชายังถือเป็นการเสริมสร้างความนิยมในประเทศต่อผู้นำทั้งนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภา โดยใช้กระแสชาตินิยมเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนความชอบธรรมในการไม่พึ่งพาไทย
ข้อจำกัดทางกฎหมายในการฟ้องร้องสมเด็จฮุน เซน
ในส่วนของกรณีที่ฝ่ายไทยแจ้งความดำเนินคดีสมเด็จฮุน เซน จากการเผยแพร่เสียงสนทนากับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยนั้น ผศ. ดร.ธนภัทร ระบุว่า ศาลไทยไม่มีอำนาจในการดำเนินคดีต่อบุคคลที่อยู่นอกอาณาเขตประเทศ เว้นแต่จะได้รับความยินยอม หรือเข้าข่ายสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งในกรณีนี้ทางการกัมพูชาได้ชี้แจงว่า เป็นการดำเนินการตามแนวทางมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
“การฟ้องร้องดังกล่าว รวมถึงการยื่นหนังสือประท้วงของกัมพูชา เป็นเพียงการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในทางการเมืองเท่านั้น” ผศ. ดร.ธนภัทรกล่าวสรุป


