posttoday

ซูเปอร์วอลเคโน อสูรร้ายกลืนกินสหรัฐ

30 มกราคม 2554

หากอสูรร้ายตื่นขึ้น พื้นที่เกินครึ่ง หรือราว 2 ใน 3 จากทั้งหมด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตรของสหรัฐจะกลายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติในทันที....

หากอสูรร้ายตื่นขึ้น พื้นที่เกินครึ่ง หรือราว 2 ใน 3 จากทั้งหมด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตรของสหรัฐจะกลายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติในทันที....

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

เยลโลว์สโตน อุทยานแห่งชาติแห่งแรกของโลก ที่มีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ และมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก เป็นความฝันของนักเดินทางหลายๆ คน ที่จะมีโอกาสได้เหยียบย่างไปยลความงามของดินแดนอันเต็มเปี่ยมไปด้วยธรรมชาติ

ซูเปอร์วอลเคโน อสูรร้ายกลืนกินสหรัฐ

แต่ละปีมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคน เข้ามาเหยียบย่างพื้นที่อันกว้างขวางเวิ้งว้าง ซึ่งเป็นที่หลบซ่อนของบ่อน้ำพุร้อน ป่าทึบ และสัตว์ป่านานาชนิด ทว่าจะมีสักกี่คนที่ทราบว่า นั่นเป็นเพียงหน้ากากภายนอก

แท้จริงแล้ว อุทยานแห่งนี้ไม่ใช่เป็นเพียงแหล่งรวบรวมความอัศจรรย์ทางธรรมชาติเท่านั้น แต่เป็นแหล่งหลบซ่อนและหลับใหลของอสูรร้าย

เมื่อไม่กี่วันมานี้ ทีมนักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่า อสูรร้ายที่ว่ากำลังโดนปลุกให้ตื่นขึ้น!

และถ้าอสูรร้ายนี้ตื่นจากนิทราอันยาวนานขึ้นมาจริงๆ สหรัฐอาจจะถูกทำลายล้าง สร้างความเสียหายให้แก่มนุษยชาติในแบบที่ไม่มีใครจินตนาการไปถึง

อสูรร้ายที่ว่านี้คือ ซูเปอร์วอลเคโน (Super Volcano) ที่ฝังตัวอยู่ใต้อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน กำลังเคลื่อนไหวในอัตราที่รวดเร็วกว่าปกติ คล้ายเป็นสัญญาณเตือนให้โลกล่วงรู้ถึงภัยฉุกเฉิน ความเป็นไปได้ที่จะปะทุขึ้น

จากการเฝ้าสังเกตการณ์นับตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา ซูเปอร์วอลเคโน ซึ่งซ่อนตัวอยู่ภายใต้อุทยานแห่งรัฐไวโอมิง กำลังขับดันตัวขึ้นสู่พื้นผิวระดับน้ำทะเล ดันขึ้นสูงถึงราว 21 นิ้ว เฉลี่ยปีละ 3 นิ้ว ถือเป็นอัตราเร่งที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เริ่มต้นบันทึกความเคลื่อนไหวครั้งแรกในปี 2466

แอ่งพื้นที่ปากปล่องภูเขาไฟ (Caldera) ราว 2,935 ตารางกิโลเมตร ในเยลโลว์สโตน เคยระเบิดขึ้นมาแล้วถึง 3 ครั้ง เมื่อราว 2.1 ล้านปีก่อน โดยครั้งล่าสุดปะทุขึ้นเมื่อราว 6.4 แสนปีมาแล้ว

หากอสูรร้ายตัวนี้ผวาตื่นจากการหลับใหลนับเป็นแสนๆ ปี นักวิทยาศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยยูทาห์ หนึ่งในทีมศูนย์สังเกตการณ์ภูเขาไฟเยลโลว์สโตน (The Yellowstone Volcano Observatory : YVO) เล่าว่า การระเบิดจะส่งแรงปะทุนับพันครั้ง แต่ละครั้งจะมีความรุนแรงเทียบเท่ากับการปล่อยระเบิดลงสู่เมืองฮิโรชิมาจำนวน 1,000 ลูก พร้อมๆ กัน ในทุกๆ 1 วินาที และจะสำรอกความร้อนขึ้นสู่บรรยากาศ กระจายกำมะถันและเถ้าถ่านไปทั่ว ก่อนที่จะโปรยปลิวปกคลุมสู่พื้นดินเป็นชั้นหนากว่า 3 เมตร กินพื้นที่รัศมีราว 1,609 กิโลเมตร

ซ้ำร้ายพื้นที่เกินครึ่ง หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 2 ใน 3 จากทั้งหมด 9.63 ล้านตารางกิโลเมตรของสหรัฐจะกลายเป็นพื้นที่ภัยพิบัติ ห้ามประชาชนอยู่อาศัย ส่งผลให้ชาวอเมริกันนับล้านต้องละทิ้งบ้าน เนื่องจากอากาศเต็มไปด้วยสารพิษ โดยพื้นที่ที่จะได้รับอันตรายมากที่สุดคือ ภายในรัศมีราว 1,000 กิโลเมตร ซึ่งในกรณีที่มีประชากรอาศัยอยู่ในละแวกดังกล่าวจะมีเพียง 10% เท่านั้นที่พบปาฏิหาริย์รอดพ้นนาทีชีวิตไปได้

ดังนั้น ไม่จำเป็นต้องบรรยายถึงระบบคมนาคมทางอากาศบนโลกอีกต่อไป

แต่ก่อนที่จะผลีผลาม ตื่นตระหนกกับข้อสันนิษฐาน ลางบอกเหตุที่เกิดขึ้น ต้องบอกว่านักวิทยาศาสตร์เองก็ยังคงไม่ได้ประกาศเตือนภัยฉุกเฉินกับปรากฏการณ์ดังกล่าว สิ่งที่เกิดขึ้นยังคงต้องเฝ้าติดตามและสังเกตการณ์ต่อเนื่องต่อไป ข้อมูลที่กลุ่มนักวิจัยได้มานั้น ยังคงมีช่องโหว่ และไม่สามารถระบุวันเวลาที่ชัดเจนได้ว่ามหันตภัยจากเจ้าอสูรร้ายนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สิ่งที่ยืนยันได้มีเพียงว่า หากซูเปอร์วอลเคโนแห่งเยลโลว์สโตนปะทุขึ้นมาจริง ภูเขาไฟเอยาฟยาตลาเยอคุตล์ที่ทำให้การคมนาคมทั่วโลกปั่นป่วน ตกอยู่ในภาวะจลาจลเมื่อช่วงเดือน เม.ย. 2553 หรือภูเขาไฟสองแห่งที่กำลังปะทุในญี่ปุ่นและอินโดนีเซียเวลานี้นั้นจะกลายเป็นเพียงเรื่องเล็กแค่ปลายเล็บ

“มีการยกตัวขึ้นอย่างผิดปกติ ในอัตราที่สูงมาก ในเบื้องต้นเรากังวลว่า ปรากฏการณ์จะนำไปสู่การปะทุที่รุนแรง” บ็อบ สมิท ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟวิทยาจากมหาวิทยาลัยยูทาห์ ให้สัมภาษณ์กับเนชันแนล จีโอกราฟฟิก

“ทันทีที่เราเห็นแม็กมาที่อยู่ลึกลงไปกว่า 10 กิโลเมตร เราก็คลายความกังวลลงไป เพราะถ้าแม็กมาที่ว่ามีระดับความลึกสัก 2-3 กิโลเมตร เราคงจะกังวลมาก” สมิท กล่าวเสริม

ซูเปอร์วอลเคโน อสูรร้ายกลืนกินสหรัฐ

สมิท อธิบายว่า บางครั้งพื้นที่ปากปล่องนั้นก็พองขึ้นและหดตัวลงเช่นนั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง โดยไม่มีการปะทุ อย่างเช่นในช่วงปี 2519-2527 พื้นที่บริเวณนั้นยกตัวขึ้นราว 7 นิ้ว และในช่วง 10 ปีถัดมา กลับหดตัวลงไปราว 2 นิ้ว

“พื้นที่ปากปล่องนี้ขยับขึ้นและลง ขึ้นและลง แต่ทุกๆ ครั้งหลังจากที่พื้นที่นี้ขยับเคลื่อนไหว เพียงไม่นานก็จะก่อให้เกิดการระเบิดของน้ำพุร้อน แผ่นดินไหว หรือท้ายที่สุดอาจจะเป็นการปะทุของภูเขาไฟ”

วายวีโอ ซึ่งก่อตั้งภายใต้ความร่วมมือของศูนย์สำรวจทางภูมิศาสตร์แห่งสหรัฐ (U.S. Geological Survey : USGS) อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนและมหาวิทยาลัยยูทาห์ เผยข้อมูลล่าสุดผ่านทางเว็บไซต์ที่มีการปรับข้อมูลทุกวันที่ 1 ของเดือนระบุว่า ในช่วงเดือน ธ.ค. 2553 ที่ผ่านมา บริเวณอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนเกิดเหตุแผ่นดินไหวทั้งสิ้น 80 ครั้ง ครั้งที่มีความรุนแรงมากที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธ.ค.วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 2.3 ริกเตอร์

รู้จักซูเปอร์วอลคาโน

อันที่จริง อุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนไม่ได้เป็นแหล่งซุกตัวของซูเปอร์วอลเคโนแห่งเดียวในโลก

จากข้อมูลของบีบีซีพบว่า ซูเปอร์วอลเคโนกระจายอยู่ราว 40 จุดทั่วโลกแต่เกือบทั้งหมดเป็นซูเปอร์วอลเคโนที่สงบลงแล้วทั้งสิ้น

ขณะที่การปะทุของภูเขาไฟทั่วๆ ไปอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนนับพัน และทำลายเมืองทั้งเมืองให้ราบคาบ แต่สำหรับซูเปอร์วอลเคโน อำนาจทำลายล้างในระดับพันล้านชีวิต และทรงอิทธิพลพอที่กวาดทั้งทวีปจมลงสู่หายนะ จากศักยภาพที่พร้อมจะพังทลายโลก จึงถือเป็นเรื่องดียิ่งที่การปะทุของซูเปอร์วอลเคโนเกิดขึ้นยากมาก โดยนักธรณีวิทยาประมาณการว่า การปะทุของซูเปอร์วอลเคโนแต่ละลูกจะเกิดขึ้นเฉลี่ยทุกๆ 5 หมื่นปี หรือมากกว่านั้น ซึ่งถือเป็นทั้งโชคและความน่าหวั่นวิตกในเวลาเดียวกัน เพราะเมื่อคำนวณจากการปะทุของซูเปอร์วอลเคโนครั้งล่าสุด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราว 7.4 หมื่นปีมาแล้ว ในพื้นที่ของเมืองโทบา เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ก็ยังคงไม่มีวี่แววใดๆ เกิดขึ้น กระทั่งการเผยผลการเฝ้าสังเกตการณ์ของพื้นที่ปากปล่องในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน

หลายคนอาจจะคิดว่าลาวาเดือดสีเหลืองทองที่ไหลลงมาหลังการระเบิดจะเป็นอันตรายมากที่สุด อันที่จริงแล้วสำหรับปรากฏการณ์การปะทุของซูเปอร์วอลเคโน เถ้าถ่านและกำมะถันถือเป็นสิ่งที่ก่อกวนและมีอำนาจทำลายล้างมากกว่าลาวา เพราะความรุนแรงของซูเปอร์วอลเคโนคือแรงระเบิดที่มหาศาล ดังนั้นด้วยความแรงขับนี่เองที่แม็กมาจึงไม่ได้มีโอกาสที่จะก่อตัวเป็นลาวา

จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์ถึงผลกระทบของเถ้าถ่านของซูเปอร์วอลเคโนจะคร่ามนุษย์และสัตว์ หรืออาจทำให้สิ่งมีชีวิตโดยรวมเจ็บป่วยอย่างสาหัส เนื่องจากการปนเปื้อนในน้ำและอากาศ แสงอาทิตย์น้อยลง เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะโคลนถล่มในกรณีที่เกิดฝนตก สิ่งก่อสร้างบางแห่งอาจจะไม่สามารถต้านทานเถ้าถ่านดังกล่าวไหวและพังถล่มลงมาในที่สุด

วิธีหนึ่งที่พอจะกล่อมให้อสูรร้ายยืดเวลาตื่นจากนิทรา อาจจะเป็นการที่มนุษย์ไม่เร่งเร้าผลาญธรรมชาติจนเกินไป

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568