DeepSeek กดดันเทขายหุ้น AI; มูลค่าตลาดเทคหายวูบเดียว 5.93 แสนล้านเหรียญ

สัปดาห์ที่แล้ว DeepSeek สตาร์ทอัพสัญชาติจีน ได้เปิดตัวผู้ช่วย AI ฟรี ที่บอกว่าใช้ข้อมูลน้อยกว่าในราคาเศษเสี้ยวของค่าบริการที่มีอยู่ ภายในวันจันทร์ ยอดดาวน์โหลดได้แซงหน้า ChatGPT คู่แข่งในสหรัฐฯ โดยการดาวน์โหลดจาก App Store  

 

ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq (.IXIC) ซึ่งเน้นเทคโนโลยี ร่วงลงถึง 3.1% ในวันจันทร์ โดยหุ้น Nvidia ได้กลายเป็นตัวฉุดมากที่สุดของ Nasdaq โดยหุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 17% มูลค่าตลาดของผู้ผลิตชิปหายไป 5.93 แสนล้านดอลลาร์ (2 หมื่นล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นการสูญเสียเป็นประวัติการณ์ และทำสถิติขาดทุนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของหุ้น Wall Street ตามข้อมูลของ LSEG

 

การสูญเสียมูลค่าตลาดของ Nvidia ในวันจันทร์นั้นมากกว่าสองเท่าของสถิติหนึ่งวันก่อนหน้า เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว

 

มูลค่าการขาดทุนมากที่สุดอันดับถัดไป คือผู้ผลิตชิป Broadcom Inc  ซึ่งปิดลดลง 17.4% ตามมาด้วยผู้สนับสนุน ChatGPT คือ Microsoft  ซึ่งลดลง 2.1% จากนั้น Alphabet บริษัทแม่ของ Google (GOOGL.O) ลดลง 4.2%

 

ดัชนีเซมิคอนดักเตอร์ของฟิลาเดลเฟีย (.SOX) ร่วงลง 9.2% ซึ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 และราคาที่ลดลงมากที่สุดคือ Marvell Technology (MRVL.O)  ซึ่งร่วงลง 19.1%

 

การลดลงของทุนสหรัฐส่งผลสะเทือนลุกลาม โดยการเทขายที่เริ่มต้นในเอเชีย โดย SoftBank Group ของญี่ปุ่น (9984.T) ลดลง 8.3% และเคลื่อนผ่านยุโรปโดยที่ ASML (ASML.AS) ลดลง 7%

 

เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ของสหรัฐฯ พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศแผนภาคเอกชนสำหรับการลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI ผ่านกิจการร่วมค้าที่รู้จักกันในชื่อ Stargate

 

ตั้งแต่นั้นมา SoftBank ได้ประกาศข้อผูกพันมูลค่า 19 พันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือกองทุนกิจการ Stargate ซึ่งมีผู้สนับสนุนรายอื่น ได้แก่ OpenAI ผู้พัฒนา ChatGPT และ Oracle ซึ่งหุ้นร่วงลง 13.8% เมื่อวันจันทร์

 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวว่า DeepSeek เป็น "สัญญาณเตือน" และอาจทำให้การแข่งขันรุนแรงขึ้น

 

เพื่อหนีจากความเสี่ยงของตลาดหุ้นในวันจันทร์ นักลงทุนจึงมองหาพันธบัตรรัฐบาลและสกุลเงินที่ปลอดภัย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงเหลือ 4.53% ในขณะที่สกุลเงินเยนของญี่ปุ่นและฟรังก์สวิสปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ

 

ความผันผวนที่เพิ่มขึ้นในหุ้นเทคโนโลยีจะกระตุ้นให้ธนาคารต่างๆ ปรับการบริหารความเสี่ยง ซึ่งอาจถือหุ้นน้อยลง หรือจัดการตำแหน่งอย่างระมัดระวังมากขึ้น เมื่อลูกค้าคลายการถือครอง ผู้บริหารการค้ารายหนึ่งซึ่งปฏิเสธที่จะเปิดเผยตัวตน กำลังหารือเกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัท