posttoday

ดอกเบี้ยสูงเป็นเหตุ จำนวนยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐฯ พุ่ง

04 มกราคม 2567

จำนวนการยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐฯ พุ่ง 18% ในปี 2023 โดยสาเหตุหลักมาจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น มาตรฐานการปล่อยกู้ที่เข้มงวดขึ้น และมาตรการช่วยเหลือทางการเงินในช่วงโควิด-19 สิ้นสุดลง

ตามข้อมูลจากผู้ให้บริการข้อมูลการล้มละลาย Epiq AACER จำนวนการยื่นฟ้องล้มละลายทั้งหมดในสหรัฐฯ  ทั้งภาคธุรกิจและภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นจาก 378,390 คดี ในปี 2022 เป็น 445,186 คดี ในปี 2023

การยื่นฟ้องล้มละลายแบบ Chapter 11  ซึ่งเป็นการฟื้นฟูกิจการโดยขออำนาจศาลคุ้มครองการทวงหนี้จากเจ้าหน้าหนี้ พุ่งสูงขึ้นถึง 72% เป็น 6,569 คดี จาก 3,819 คดีในปีก่อน ขณะที่การยื่นฟ้องล้มละลายของภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้น 18% เป็น 419,557 คดี จาก 356,911 คดีในปี 2022

อย่างไรก็ตาม ในเดือนธันวาคม 2023 จำนวนการยื่นฟ้องล้มละลายทั้งหมดลดลงจาก 37,860 คดี เหลือ 34,447 คดี แต่ยังคงสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 16%

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าจำนวนคดีล้มละลายจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2024 แม้จะยังไม่ถึงระดับสูงสุดก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ในปี 2019 ซึ่งมีจำนวนคดีล้มละลายถึง 757,816 คดี

Michael Hunter รองประธานของ Epiq AACER กล่าวว่า "ตามที่คาดการณ์ไว้ เราพบว่า จำนวนการยื่นฟ้องล้มละลายครั้งใหม่ในปี 2023 เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปี 2022 โดยภาคธุรกิจถือว่ามีสัดส่วนมากที่สุดในการยื่นฟ้อง”

“คาดว่าแนวโน้มการยื่นฟ้องล้มละลายเพื่อขอความคุ้มครองจะยังคงเพิ่มขึ้นในปี 2024 เนื่องจากมาตรการช่วยเหลือทางการเงินช่วงโควิด-19 สิ้นสุดลง อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น อัตราหนี้ค้างชำระที่เพิ่มขึ้น และระดับหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งจนเกือบแตะระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์”

ข้อมูลจากธนาคารกลางนิวยอร์กเผยว่า ภาวะหนี้สินครัวเรือนของสหรัฐฯ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 17.3 ล้านล้านดอลลาร์ ณ สิ้นไตรมาสที่สาม ซึ่งแนวโน้มหนี้สินครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับข้อมูลการยื่นฟ้องล้มละลายที่เพิ่มขึ้นด้วย นอกจากนี้ ข้อมูลเดียวกันยังแสดงให้เห็นว่า แม้อัตราการผิดนัดชำระหนี้จะเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดโควิด-19

ทั้งนี้ ช่วงสองปีที่ผ่านมา สถานการณ์ทางการเงินของภาคธุรกิจและครัวเรือนมีความตึงเครียดขึ้นมาก จากการที่เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินสำหรับทั้งภาคธุรกิจและครัวเรือนสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม 

ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2023 ต้นทุนการกู้ยืมและสภาพคล่องทางการเงินโดยรวมเริ่มผ่อนคลายลง หลังจากเฟดส่งสัญญาณว่าจะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้