posttoday

สภาพอากาศกลายเป็นประเด็นหลักใน UN ขณะอุณหภูมิโลกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์

19 กันยายน 2566

ขณะที่โลกกำลังทำลายสถิติปีที่ร้อนสุดในประวัติศาสตร์ บรรดาผู้นำโลก ผู้นำธุรกิจ คนดัง และนักเคลื่อนไหวได้มารวมตัวกันที่ใจกลางเมืองแมนฮัตตันเพื่อร่วมงาน Climate Week และการประชุม Climate Action Summit ของสหประชาชาติ โดยโฟกัสที่ความสนใจเรื่องวิกฤติสภาพภูมิอากาศ

การประชุมด้านสภาพภูมิอากาศประจำปีเกิดขึ้นพร้อมกับการเริ่มต้นของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ โดยประมุขแห่งรัฐและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐ ร่วมกับผู้นำภาคเอกชนเพื่อมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งมีภัยพิบัติสร้างความเสียหายนับพันล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงภัยพิบัติแปดครั้ง น้ำท่วมรุนแรง

กิจกรรมหลักจะจัดขึ้นในวันพุธ โดยอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติจะเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ เป็นงานที่เขาริเริ่มขึ้นและได้รับการยอมรับสูงมาก ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อฟื้นฟูเป้าหมายของข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของปารีส และเพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลของประเทศต่างๆนำการดำเนินการใหม่ๆ ที่จริงจังมาใช้เพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

เซลวิน ฮาร์ต ที่ปรึกษาพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศ เลขาธิการ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า

“มีข้อสงสัยอย่างต่อเนื่องว่า … เราสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศของเราได้ มีการปนับเปลี่ยนมากเกินไป ดังนั้นเราจึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการประชุมสุดยอดนี้สามารถใช้เป็นช่วงเวลาในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้” 

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติยังไม่ได้ประกาศว่าผู้นำหรือเจ้าหน้าที่ของโลกคนใดจะได้รับโอกาสพูดอันเป็นที่ปรารถนาในการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศ เจ้าหน้าที่กว่า 100 ประเทศบอกกับกูเตอร์เรสว่า พวกเขาต้องการพูด แต่ทีมงานของเขาได้คัดใบสมัครออกในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยให้ความสำคัญกับประเทศที่วางแผนการดำเนินการใหม่ๆ เพื่อทำให้เป้าหมายสภาพภูมิอากาศก่อนหน้านี้ก้าวหน้าไป

ฮาร์ตกล่าวว่าการมอบโอกาสให้ขึ้นพูด ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความอับอายให้กับผู้นำหรือประเทศใดๆ แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งแรกที่ “กำลังทำสิ่งต่าง ๆ ให้สำเร็จ”

การประชุมนี้มีขึ้น 10 สัปดาห์ก่อนการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศของ COP28 ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และเป็นหนึ่งในการประชุมที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ประเทศต่างๆ ก้าวไปข้างหน้าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศแบบใหม่ และวางแผนที่จะเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลหลังจาก G7, G20 และการประชุมของกลุ่มประเทศ BRIC ได้แก่ บราซิล จีน แอฟริกาใต้ อินเดีย และรัสเซีย ยังขาดความสำเร็จในการเชิญชวนผู้นำให้ตกลงที่จะยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล

ขณะเดียวกัน พันธมิตรเกือบ 40 ประเทศของรัฐหมู่เกาะเล็กๆ จะใช้ Climate Week เป็นเวทีในการเรียกร้องให้ผู้นำของประเทศที่พัฒนาแล้วมีความเคลื่อนไหวที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล และเพื่อสนับสนุนการเพิ่มการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น ลม , พลังงานความร้อนใต้พิภพและพลังงานแสงอาทิตย์ ทั่วโลก

“เป็นเรื่องน่าท้อใจที่ได้เห็นการขาดความทะเยอทะยานในสิ่งที่ทำให้เรามีปัญหาอย่างแท้จริง นั่นคือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล” พันธมิตรหมู่เกาะเล็กๆ ระบุในแถลงการณ์ “เราขอวิงวอนประชาคมระหว่างประเทศให้ใช้เวทีของ UNGA และ New York Climate Week เพื่อส่งสัญญาณการสนับสนุนที่ชัดเจนสำหรับรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะเล็กๆ” 

Climate Week กลายเป็นจุดสนใจสำหรับผู้ประท้วงเรื่องสภาพอากาศที่กระตือรือร้นที่จะเรียกร้องสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการไม่ดำเนินการของรัฐบาลและการฟอกเขียวของอุตสาหกรรม - บริษัทต่างๆ ที่โฆษณาการดำเนินการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในขณะที่ยังคงสร้างมลพิษ - ท่ามกลางเหตุการณ์สำคัญและการกล่าวสุนทรพจน์ในระดับสูง

นักเคลื่อนไหวมากถึง 75,000 คนเดินขบวนผ่านใจกลางเมืองแมนฮัตตันเมื่อวันอาทิตย์ เรียกร้องให้ยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ขณะที่ผู้ประท้วงหลายร้อยคนวางแผนก่อกวนใกล้วอลล์สตรีทเมื่อวันจันทร์ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการจัดหาเงินทุนสำหรับเชื้อเพลิงฟอสซิล

โรเมน ลูลาลอง ผู้จัดการการทูตระดับโลกของ Oil Change International ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ที่มุ่งเน้นการยุติการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลกล่าวว่า

“เรามีคำสัญญาที่ผิดๆ การฟอกเขียว และมาตรการเพียงครึ่งเดียว ประเทศต่างๆ จะต้องปฏิบัติตามด้วยการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดด้วยแผนการที่ชัดเจนในการยุติการขยายตัวของน้ำมันและก๊าซทันที และกำหนดนโยบายเร่งด่วนและยุติธรรมในการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมด” 

ขณะเดียวกัน ที่ห้องบอลรูมของโรงแรมหลายแห่งและสถานที่อื่นๆ ทั่วแมนฮัตตัน มีผู้ลงทะเบียนเข้าร่วมงาน Climate Week ประมาณ 2,600 คน โดยมีวิทยากรมากกว่า 200 คนจากภาคเอกชน รัฐบาล และองค์กรพัฒนาเอกชน (NGO) ต่างๆทั่วโลก