ข้อจำกัดของ EV ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยี
การพัฒนา EV เกิดขึ้นทั่วโลก เริ่มมีการยกระดับศักยภาพจนรถยนต์ไฟฟ้าทัดให้เทียมและเริ่มเหนือกว่ารถยนต์สันดาปทีละนิด แต่ยังมีอีกหลายส่วนที่ไม่สามารถแก้ไขด้วยเทคโนโลยี วันนี้เราจึงมาดูข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้าใดที่อาจต้องใช้เวลาแก้ไขอีกพักใหญ่
ทั่วโลกต่างผลักดันให้ยานพาหนะที่ใช้งานตามท้องถนนเปลี่ยนเป็น EV หรือ รถยนต์ไฟฟ้า อย่างแพร่หลาย เพื่อลดผลกระทบจากการเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงหนึ่งในต้นเหตุภาวะโลกร้อน คาดหวังว่าเมื่อการเปลี่ยนผ่านนี้ดำเนินไปจนสมบูรณ์ เราจะเข้าใกล้เป้าหมาย Net zero ไปอีกขั้น
นี่จึงเป็นเหตุให้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขีดความสามารถในหลายด้านถูกยกระดับอย่างก้าวกระโดด ไม่ว่าจะเป็นระยะการวิ่ง, ความเร็วการชาร์จ, ความทนทาน หรืออายุการใช้งาน ล้วนได้รับการส่งเสริมรอบด้านจนเริ่มแซงรถยนต์สันดาป
อย่างไรก็ตามรถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อจำกัดหลายด้านที่อาจไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีเช่นกัน หนึ่งในนั้นคือปัญหาจากโครงสร้างพื้นฐานรองรับรถยนต์ไฟฟ้า ต้องยอมรับว่าไม่ใช่เพียงไทยแต่เกิดในหลายประเทศทั่วโลก โครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมล้วนออกแบบมาเพื่อเครื่องยนต์สันดาป ซึ่งกลไกการทำงานแตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้าโดยสิ้นเชิง
วันนี้เราจึงมาดูว่าข้อจำกัดทางโครงสร้างพื้นฐานที่แม้จะพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าไปไกลเพียงไรก็ไม่อาจแก้ไขในเร็ววัน
ปัญหาการรองรับของสถานีชาร์จ
ถือเป็นปัญหาแรกที่หลายคนพากันคิดถึง เมื่อไม่ได้ใช้น้ำมันในการเติมเชื้อเพลิงแก่รถยนต์ไฟฟ้าจึงไม่สามารถใช้ปั๊มน้ำมันที่มีอยู่ จำเป็นต้องอาศัยสถานีชาร์จที่สร้างขึ้นเป็นการเฉพาะ จึงจะสามารถรองรับการเติมพลังงานขับเคลื่อนให้แก่ยานยนต์รุ่นใหม่ชนิดนี้
แน่นอนสถานีชาร์จก็ต้องรองรับระบบชาร์จด่วนเพื่อให้สามารถเติมพลังงานรถยนต์ไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว ตัวสถานีจึงต้องได้รับการติดตั้งหัวชาร์จ หม้อแปลง ไปจนระบบไฟฟ้าเป็นการเฉพาะ เพื่อรองรับแรงดันไฟฟ้าปริมาณสูงเพียงพอต่อการเติมพลังงานให้แก่ยานยนต์ไฟฟ้าภายในเวลาอันสั้น
นี่เองจึงเป็นข้อจำกัดด้วยทั้งหมดไม่มีทางได้มาฟรี จำเป็นต้องมีต้นทุนในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมารองรับ สำหรับผู้ประกอบการค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งสถานีชาร์จอาจสูงเกินไป แม้จำนวนผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นทุกปีแต่ก็อาจยังไม่เป็นที่สนใจในการลงทุนนัก
ปัญหาต่อมาคือโครงสร้างพื้นฐานของแต่ละท้องที่ สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าต้องใช้แรงดันไฟฟ้ามหาศาล ต้องการระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพมารองรับ นั่นทำให้ในพื้นที่ซึ่งแรงดันไฟไม่เสถียรหรือเข้าถึงไฟฟ้าจำกัดอย่างในชนบท การจัดตั้งสถานีชาร์จก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน
อีกหนึ่งข้อจำกัดคือความก้าวกระโดดทางเทคโนโลยี ดังที่บอกว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าอยู่ในระหว่างการพัฒนาซึ่งรวมถึงสถานีชาร์จและหัวชาร์จเช่นกัน สถานีชาร์จรุ่นปัจจุบันอาจไม่สามารถชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ได้ดีนัก นักลงทุนจึงอาจตัดสินใจชะลอการตั้งสถานีชาร์จ จนอาจเป็นอุปสรรคในการขยายตลาดรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน
ปัญหาสถานีชาร์จจำเป็นต้องได้รับการเอาใจใส่เร่งด่วนหากต้องการผลักดันการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า
ปัญหาการขาดแคลนช่าง
ตามที่กล่าวไปข้างต้นรถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่โครงสร้างพื้นฐานเดิมไม่รองรับ ส่วนนี้รวมไปถึงการซ่อมแซมรถยนต์จากช่างหรืออู่ซ่อมรถต่างๆ สายพานการซ่อมบำรุงรถยนต์ที่เรามีล้วนเป็นการใช้กับรถยนต์สันดาป และช่างกลุ่มนี้เองส่วนมากยังขาดความเข้าใจเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้า โดยเฉพาะช่างซ่อมอิสระที่ไม่ได้มาจากบริษัทรถยนต์
ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาและกลไกที่ละเอียดอ่อนกว่า การซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าจึงอาศัยความรู้ความสามารถเฉพาะทาง หากขาดความรู้ความเข้าใจแล้วทำการซ่อมบำรุง อาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าช็อต แย่กว่าคืออาจทำให้ไฟฟ้าลัดวงจรนำไปสู่เหตุเพลิงไหม้ เป็นอันตรายทั้งต่อเจ้าของรถหรือตัวช่างเอง
การเป็นช่างซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าจำเป็นต้องเรียนรู้และผ่านการฝึกอบรม อีกทั้งการซ่อมบำรุงยังต้องใช้อุปกรณ์และเครื่องมือเฉพาะทางซึ่งมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะเครื่องมือสำหรับซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจมีค่าใช้จ่ายนับล้านบาท อู่ขนาดเล็กหลายแห่งจึงไม่สามารถรองรับส่วนนี้ได้
จริงอยู่เริ่มมีหลักสูตรอบพรบการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ แต่จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาดงานในส่วนนี้ ประเทศในแถบยุโรปที่เริ่มมีนโยบายยกเลิกการขายรถยนต์สันดาปในปี 2030 อาจประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้ากว่า 25,000 ตำแหน่งภายในปี 2032
นั่นทำให้เมื่อเกิดความเสียหายขึ้นกับรถยนต์ไฟฟ้าการซ่อมแซมจึงทำได้ยากและใช้เวลานานกว่ารถยนต์ทั่วไปมาก
สำหรับในประเทศไทยที่เริ่มมีการขยายตัวของ EV ก็เริ่มประสบปัญหานี้เช่นกัน อย่างในกรณีที่เกิดความเสียหายต่อแบตเตอรี่เพียงเล็กน้อย บริษัทประกันกลับตีราคาค่าซ่อมถึง 620,000 บาท ส่วนนี้เพราะทางบริษัทประกันเองก็ขาดความรู้ความเข้าใจในการซ่อมแซมรถยนต์ไฟฟ้าจึงถูกตีให้เปลี่ยนแบตเตอรี่หมด ทั้งที่มีคามเสียหายเกิดขึ้นจริงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องด่วนที่เราจำเป็นต้องเร่งแก้ไขและเพิ่มบุคลากรซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นโดยเร็ว
ปัญหาราคาค่าเบี้ยประกัน
อีกหนึ่งเรื่องน่าปวดหัวเมื่อมีการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีคือ บริษัทประกัน การตีความและจ่ายเบี้ยประกันสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าเป็นเรื่องยาก เมื่อกลไกลและรูปแบบการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าแตกต่างจากรถยนต์รุ่นเก่าที่เคยมี ทำให้หลายครั้งราคาเบี้ยประกันจึงสูงกว่าที่ควรเป็น
นี่เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วไปจากพื้นฐานเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเอง ในประเทศไทยราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์สันดาปถึง 30% เช่นเดียวกับบริษัทประกันในสหราชอาณาจักร ราคาประกันของรถ Tesla Model 3 เฉลี่ยแล้วสูงกว่ารถยนต์สันดาปทั่วไปถึง 3 เท่า
ที่เป็นแบบนี้สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดในข้อก่อนคือ การขาดแคลนบุคลากร ช่างในปัจจุบันยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในการซ่อมบำรุงรถยนต์ไฟฟ้าดีพอจึงแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เมื่อเกิดการเสียหายจึงแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนชิ้นส่วนดื้อๆ เพิ่มค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงโดยไม่จำเป็น ทำให้การซ่อมแซมเป็นไปได้ยากสำหรับบริษัทประกัน
ประเด็นต่อมาคือชิ้นส่วนของรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาสูง โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญอย่างแบตเตอรี่ ซึ่งมีราคาเกินครึ่งของมูลค่ารถ แต่อัตราการเกิดอุบัติเหตุแทบไม่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไป เมื่อรวมกับจำนวนอู่รองรับการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้ามีจำนวนน้อย ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูงตาม นี่จึงเป็นเหตุให้บริษัทประกันตัดสินใจขึ้นราคาประกัน
การขึ้นค่าประกันที่สูงขึ้นนี้เองอาจทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกไม่วางใจในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า เมื่อไม่สามารถใช้งานได้สะดวกทั้งในด้านการเติมพลังงาน การซ่อมบำรุง หริอแม้แต่การรับประกันต่างๆ เมื่อต้องตัดสินใจซื้อรถสักคัน ผู้บริโภคจึงอาจหันกลับไปหารถยนต์สันดาปรุ่นเก่าที่มีความเข้าใจง่ายกว่าแทน
นี่จึงเป็นปัญหาอีกข้อที่จำเป็นต้องหาทางแก้ไขโดยด่วนเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าเช่นกัน
ทั้งหมดที่ว่าเป็นเพียงปัญหาเบื้องต้นในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าจากการขาดโครงสร้างพื้นฐานรองรับ อันที่จริงยังมีอีกหลายส่วนที่ต้องได้รับการพูดถึง เช่น การซ่อมบำรุงสถานีชาร์จ, การรับมือเหตุไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้า, การจัดการขยะแบตเตอรี่ ฯลฯ ถือเป็นประเด็นที่เราต้องร่วมกันคิดหาทางรับมือกันต่อไป
ที่มา
https://www.thairath.co.th/money/personal_finance/insurance/2664620
https://www.thaipbs.or.th/news/content/323771
https://www.posttoday.com/post-next/innovation/692402


