posttoday

โมร็อกโกเร่งขุดหาผู้รอดชีวิตหลังแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี

11 กันยายน 2566

เทือกเขาแอตลาส จัดเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักสุดจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในรอบ 100 ปีของโมร็อกโก เนื่องจากไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาด ถนนถูกปิดกั้นด้วยเศษซากคอนกรีต และคาดว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2,100 คน

ระหว่างรอความช่วยเหลือจากรัฐบาลโมร็อกโก ประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มฝังศพผู้เสียชีวิต และหาเสบียงไปพลาง ซึ่งคาดว่าความช่วยเหลืออาจมาถึงล่าช้ากว่ากำหนดเนื่องจากถนนหลายสายได้รับผลกระทบจากเศษซากและหินถล่ม

เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปีของโมร็อกโก ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก ส่งผลให้ประชาชนส่วนใหญ่ต้องดูแลตัวเอง โดยผู้รอดชีวิตต้องเผชิญกับสถานการณ์ไฟฟ้าและสัญญาณโทรศัพท์ถูกตัดขาด ขาดแคลนอาหารและน้ำ ศพบางส่วนถูกฝังโดยไม่ได้นำไปปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา

สถานีโทรทัศน์ของโมร็อกโกรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่า เหตุแผ่นดินไหวเมื่อคืนวันศุกร์ด้วยขนาด 6.8 แมกนิจูด  คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วมากกว่า 2,100 ราย และบาดเจ็บมากกว่า 2,400 ราย 

ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลโมร็อกโกถูกวิจารณ์ว่าดำเนินการช่วยเหลืออย่างล่าช้า มีความคลุมเครือ รวมถึงปกปิดยอดที่แท้จริงของผู้เสียชีวิต 

อย่างไรก็ตาม เฮลิคอปเตอร์ได้ลำเลียงความช่วยเหลือทางอากาศไปยังพื้นที่ห่างไกล ขณะที่กษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 6 ตรัสว่า  เขาได้สั่งให้รัฐบาลจัดหาที่พักพิงอย่างรวดเร็ว และสร้างบ้านใหม่ให้กับผู้ประสบภัย โดยเฉพาะกับเด็กกำพร้าและกลุ่มเปราะบาง

ณ หมู่บ้าน Douar Tnirt ในเทือกเขาแอตลาส ประชาชนซึ่งไร้ที่อยู่อาศัยได้ต่อแถวเพื่อขอรับความช่วยเหลือที่จำเป็น เช่นผ้าห่มและน้ำ ขณะที่ชาวบ้านกล่าวว่าความช่วยเหลือดังกล่าวไม่ได้มาจากรัฐบาลแต่มาจากองค์กรการกุศลในเมืองมาราเกช พวกเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆจากภาครัฐเลยนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่

ขณะเดียวกัน หลายสิบประเทศกำลังเร่งระดมความช่วยเหลือมายังโมร็อกโก แต่มีรายงานว่าพวกเขายังรอให้ทางการโมร็อกโกไฟเขียว แม้ว่าโรงพยาบาลในท้องถิ่นจะมีผู้ป่วยล้นแล้วก็ตาม

Samia Errazzouki นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายโมร็อกโกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางการปฏิบัติงานแบบรวมศูนย์ของรัฐบาลกำลังขัดขวางการช่วยเหลือในช่วงเวลาที่วิกฤตเช่นนี้ และกว่ากษัตริย์จะทรงแถลงต่อสาธารณะ เวลาก็ผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วหลังเกิดเหตุ

ส่วนทางด้าน Caroline Holt ผู้อำนวยการสหพันธ์สภากาชาดและเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ กล่าวว่า ช่วง 3 วันแรกหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินที่พยายามช่วยเหลือผู้รอดชีวิตในโมร็อกโก

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ประชาชนมากกว่า 300,000 คนในมาร์ราเกชและแถบชานเมืองก็ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวเช่นกัน ขณะที่กำแพงเมืองเก่าในมาร์ราเกช ซึ่งเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโกก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ หมู่บ้านต่างๆ ทั่วเทือกเขาแอตลาส ยังแทบไม่ได้รับความช่วยเหลือจากทางการ ขณะที่รถพยาบาลแทบไม่มีใครพบเห็นเช่นกัน โดยประชาชนส่วนใหญ่ที่ถูกช่วยเหลือจากการดึงออกจากซากตึก ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลด้วยรถยนต์ส่วนตัวหรือรถจักรยานยนต์