posttoday

UN เผย มีผู้ถูกหลอกเข้าสู่ธุรกิจหลอกลวงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลายแสนคน

30 สิงหาคม 2566

องค์การสหประชาชาติ ระบุในรายงานเมื่อวันอังคารว่า ผู้คนหลายแสนคนถูกแก๊งอาชญากรลักลอบค้ามนุษย์ และถูกบังคับให้ทำงานในธุรกิจหลอกลวงและปฏิบัติการออนไลน์ผิดกฎหมายอื่นๆ ที่เกิดขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้

รายงานดังกล่าวอ้างถึง "แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ" ประมาณการว่าผู้คนอย่างน้อย 120,000 คนทั่วเมียนมาและประมาณ 100,000 คนในกัมพูชาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการหลอกลวง ร่วมกับองค์กรอาชญากรอื่นๆ ในประเทศลาว ฟิลิปปินส์ และไทย ซึ่งทำทุกอย่างตั้งแต่การฉ้อโกง ไปจนถึงการพนันออนไลน์

“คนที่ถูกบังคับให้ทำงานในปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ต้องอดทนต่อการปฏิบัติที่ไร้มนุษยธรรมในขณะที่ถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรม พวกเขาตกเป็นเหยื่อ พวกเขาไม่ใช่อาชญากร” โวลเกอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าว

ด้าน ชาย คิม คุน โฆษกตำรวจกัมพูชา กล่าวว่า เขาไม่เห็นรายงานของสหประชาชาติ แต่ได้สอบถามถึงตัวเลขที่อ้างถึงดังกล่าว

“ไม่รู้จะตอบยังไงดี พวกเขาไปเอาตัวเลข (100,000 คน) มาจากไหน พวกเขาได้ตรวจสอบหรือเปล่า พวกเขาไปเอาข้อมูลมาจากไหน ชาวต่างชาติก็แค่พูดไปเรื่อย”

รายงานของสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเป็นหนึ่งในรายงานที่มีรายละเอียดมากที่สุดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่การระบาดใหญ่ของโควิด โดยเป็นผลส่วนหนึ่งจากการปิดคาสิโนที่กระตุ้นให้มีการย้ายเข้าไปในพื้นที่ที่มีการควบคุมน้อยกว่าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รายงานระบุว่า ธุรกิจหลอกลวงที่เติบโตอย่างรวดเร็วเหล่านี้สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐในแต่ละปี 

“เมื่อเผชิญกับการปราบปรามจับกุม ผู้กระทำความผิดจึงมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติซึ่งอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงมากขึ้น … เพื่อดึงเข้าสู่วงจรการกระทำผิด โดยอ้างว่าเสนองานจริงให้พวกเขา” รายงานระบุ

รายงานระบุว่าเหยื่อค้ามนุษย์ส่วนใหญ่มาจากประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้ง จีน ไต้หวัน และฮ่องกง แต่บางรายก็มาจากที่ห่างไกลอย่างแอฟริกาและละตินอเมริกา

สำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องให้รัฐบาลในภูมิภาคเสริมสร้างหลักนิติธรรมและจัดการกับการคอร์รัปชั่นเพื่อ "ทำลายวงจรหลีกเลี่ยงบทลงโทษตามกฎหมาย" ที่ช่วยให้องค์กรอาชญากรรมเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นเรื่อยๆ