เลือกตั้งกัมพูชา สนามซ้อมทางการเมืองของทายาท ฮุนเซน
ชาวกัมพูชา เตรียมตัวไปหย่อนบัตรเลือกตั้ง 23 ก.ค.นี้ แม้โครงสร้างอำนาจทางการเมืองของกัมพูชาจะไม่เปลี่ยนแปลง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีพรรคฝ่ายค้านลงชิงชัย แต่สปอตไลต์ก็จับไปที่ ฮุน มาเนต ลูกชายคนโตของสมเด็จฮุนเซน ซึ่งถูกมองว่าถูกวางตัวเป็นทายาททางการเมือง
การเลือกตั้งทั่วไปของกัมพูชา ในวันที่ 23 ก.ค.นี้ ไม่ได้รับความสนใจจากสื่อต่างประเทศมากนัก เพราะเป็นที่ชัดเจนว่าพรรค CPP ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ก็ยังคงครองอำนาจต่อไปอีก 5 ปีอย่างไร้อุปสรรค เพราะในช่วงที่ผ่านมา คู่แข่งทางการเมืองได้ถูกสกัดรวมถึงกำจัดจนพ้นทางไปหมดแล้ว แต่ที่น่าสนใจคือการที่ ฮุน มาเนต บุตรชายคนโตของฮุนเซน จะลงสนามเลือกตั้ง เตรียมพร้อมเป็นทายาททางการเมืองต่อ
การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคฝ่ายค้านถูกกีดกันไม่ให้ลงแข่งขัน หลังจากเมื่อเดือนพฤษภาคม คณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา ออกมาระบุว่า พรรคแสงเทียนส่งเอกสารลงทะเบียนไม่สมบูรณ์จึงไม่มีสิทธิ์ในการลงเลือกตั้งครั้งนี้ โดยพรรคแสงเทียนเป็นพรรคฝ่ายค้านที่สำคัญ หลังพรรคกู้ชาติกัมพูชาซึ่งเกิดจากการรวมตัวของพรรคสม รังสีและพรรคสิทธิมนุษยชนถูกสั่งยุบพรรคเมื่อปี 2017 ก่อนการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
ก่อนหน้านั้นเมื่อปี 2013 พรรคกู้ชาติกัมพูชากวาดที่นั่งในสภามาทั้งหมด 55 ที่นั่งจาก 123 ที่นั่ง จนเกือบจะเอาชนะพรรค CPP ของสมเด็จฮุนเซนได้ แต่แล้วในปี 2017 ก่อนหน้าการเลือกตั้งปี 2018 ไม่ถึงปี สม รังสี หัวหน้าพรรคกู้ชาติกัมพูชาก็ถูกตั้งข้อหากบฏสม โดยถูกกล่าวหาว่ารู้ร่วมคิดกับสหรัฐกระทำการเป็นปรปักษ์ต่อรัฐบาล จึงถูกศาลตัดสินยุบพรรค โดยสมาชิกพรรคหลายคนลี้ภัยออกนอกประเทศ และแกนนำพรรคถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองส่งผลให้การเลือกตั้งเมื่อปี 2018 พรรค CPP ของกัมพูชาลงแข่งโดยไร้คู่แข่งและกวาดทุกที่นั่งในสภา หลังจากนั้น สมาชิกพรรคกู้ชาติกัมพูชาบางส่วนก็มาก่อตั้งพรรคแสงเทียน ซึ่งกลายมาเป็นพรรคที่ถูกตัดสิทธิ์ในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งล่าสุดอีกรอบ
พรรคประชาชนกัมพูชาหรือ CPP ของสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรี ปกครองประเทศมาอย่างยาวนานกว่า 38 ปี จนแทบไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจ แม้แต่สมเด็จนโรดม รณฤทธิ์ พระโอรสของสมเด็จนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา ที่ผันตัวมาเล่นการเมืองก็ยังไม่สามารถต้านทานได้ ฮุนเซ็น ได้วางโครงข่ายทั้งทางด้านการเมืองและเศรษฐกิจอย่างเข้มแข็ง โดยส่งคนใกล้ชิดไปนั่งในตำแหน่งสำคัญต่างๆในรัฐบาล และเข้าไปลงทุนในธุรกิจต่างๆรวมทั้งสื่อมวลชน เป็นกระบอกเสียงที่สำคัญให้กับรัฐบาล
หลายฝ่ายวิเคราะห์ว่า ในที่สุด สมเด็จฮุนเซน ก็ต้องวางมือทางการเมือง เนื่องจากวัยที่เพิ่มมากขึ้น การเลือกตั้งจึงถูกมองว่าเป็นเริ่มการส่งต่ออำนาจให้กับทายาททางการเมืองของสมเด็จฮุนเซ็น นั่นก็คือ ฮุนมาเนต บุตรชายคนโต ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพบก แต่ได้พักการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวเมื่อเดือนเมษายนเพื่อมาลงเลือกตั้งครั้งนี้
ฮุน มาเนต เป็นบุตรชายคนโตวัย 46 ปีของ ฮุน เซน กับนางบุนรานี เกิดเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2520 ที่จังหวัดกำปงจาม มีพี่น้องอีก 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน (และยังมีน้องสาวบุญธรรมอีก 1 คน) โดยเขาเป็นบุตรคนที่สอง แต่เป็นบุตรชายคนแรก เขาจบการศึกษาจากวิทยาลัยกองทัพบกสหรัฐอเมริกาที่เมืองเวสต์พอยต์ รัฐนิวยอร์ก เมื่อปี ค.ศ. 1999 (พศ. 2542) จากนั้นได้ศึกษาต่อด้านเศรษฐศาสตร์จนจบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยบริสตอล ประเทศอังกฤษ
เมื่อสำเร็จการศึกษาและเดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็เข้ารับราชการทหารกองทัพกัมพูชา ติดยศร้อยตรี สังกัดกองพลน้อยที่ 70 จากนั้น ฮุน มาเนต ได้รับการประดับยศพลจัตวา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552 และเลื่อนเป็นพลตรี และดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลน้อยที่ 70 ซึ่งมีหน้าที่ต่อต้านการก่อการร้าย ต่อมาในปี 2562 ก็ได้ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกราชอาณาจักรกัมพูชา และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด
สถานภาพการสมรส ฮุน มาเนต แต่งงานแล้วกับภรรยาชื่อ เพชร จันมุนี มีลูก 3 คน เป็นหญิง 2 คน และชาย 1 คน โดยภรรยาของเขา ได้ทำงานด้านสังคมสงเคราะห์ และงานพัฒนาชนบท
ระยะแรก ฮุน มาเนต ถูกวางตัวให้มาทางสายกองทัพ เช่นเดียวกับน้องชาย ฮุน มานิต ที่ดูแลงานข่าวกรองของประเทศ
ส่วนน้องชาย ฮุน มานี เดินงานสายการเมือง เป็นผู้แทนราษฎร และเป็นประธานศูนย์กลางสมาคมเยาวชนแห่งชาติ และน้องสาว ฮุน มานา เป็นผู้อำนวยการใหญ่สถานีโทรทัศน์บายน และหนังสือพิมพ์รายวันภาษาเขมร
แต่ในปี 2561 ฮุน มาเนต ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการกลางพรรคประชาชนกัมพูชาให้เป็นหนึ่งในกรรมการถาวรของพรรค ที่มีทั้งหมด 37 คน และปีที่แล้ว ฮุน มาเนต ได้เป็นประธานคณะทำงานเยาวชนกลางพรรคประชาชนกัมพูชา ซึ่งเริ่มชัดเจนว่า เขาได้ถูกวางตัวให้เป็นทายาททางการเมืองของสมเด็จ ฮุน เซ็น ตัวจริง หลังเกิดความคลุมเครือมานานว่า ผู้นำกัมพูชาจะส่งไม้ต่อให้ทายาทคนไหน
ถึงแม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าฮุน มาเนตจะมาได้รับตำแหน่งใดหลังการเลือกตั้ง แต่ดูเหมือนว่ารัฐบาลของกัมพูชาในครั้งนี้อาจมีการเปลี่ยนโฉมไปไม่น้อย เพราะมีข่าวว่า ผู้นำทางการเมืองซึ่งเป็นผู้อาวุโสหลายคนในรัฐบาลปัจจุบัน เตรียมส่งไม้ต่อให้กับทายาททางการเมือง โดยจะผันตัวไปทำงานอยู่เบื้องหลังแทน การเลือกตั้งรอบนี้ จึงเป็นเหมือนสนามซ้อมทางการเมืองของทายาททางการเมืองรุ่นใหม่เหล่านี้


