พลังงานลมและแสงอาทิตย์จะผลิตไฟฟ้าได้มากกว่าหนึ่งในสามของโลกภายในปี 2573

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สุลต่าน อัล-จาเบอร์ ประธานการประชุมสุดยอดด้านสภาพอากาศของสหประชาชาติCOP28 เรียกร้องให้มีการผลิตพลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นสามเท่าภายในปี 2573 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและช่วยให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดภายใต้ข้อตกลงภูมิอากาศปารีสปี 2558

รายงาน RMI ระบุว่า การเติบโตแบบทวีคูณหมายความว่าโครงการพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์คาดว่าจะผลิตไฟฟ้าได้อย่างน้อย 33% ของไฟฟ้าทั่วโลก เพิ่มขึ้นจากประมาณ 12% ในปัจจุบัน ซึ่งนำไปสู่การลดลงของการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลและพลังงานที่มีราคาถูกลง 

RMI ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรในสหรัฐฯ ที่มุ่งเน้นด้านพลังงานสะอาด ดำเนินการวิจัยร่วมกับ Bezos Earth Fund ซึ่งเป็นกองทุนมูลค่า 10,000 ล้านดอลลาร์ที่ก่อตั้งโดย Jeff Bezos เจ้าของ Amazon เพื่อช่วยเหลือกองทุนในการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
 

ต้นทุนของพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเป็นรูปแบบการผลิตไฟฟ้าที่ถูกที่สุดอยู่แล้ว จะลดลงเหลือ 20 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์ชั่วโมง (MWh) จากประมาณ 40 ดอลลาร์ต่อเมกะวัตต์ชั่วโมงในปัจจุบัน เนื่องจากมีการติดตั้งโครงการมากขึ้นและประสิทธิภาพในการผลิตดีขึ้น 

Kingsmill Bond ผู้อำนวยการอาวุโสของ RMI กล่าวว่า "ประโยชน์ของการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้อย่างรวดเร็วคือความมั่นคงด้านพลังงานและความเป็นอิสระที่มากขึ้น บวกกับราคาพลังงานที่ตกต่ำในระยะยาวเนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ผลิตขึ้นเอง ยิ่งคุณติดตั้งมากเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกลงเท่านั้น"