สหรัฐฯ ออกแนวทางปกป้องฟิลิปปินส์จากการโจมตีในทะเลจีนใต้
สหรัฐฯ ได้กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตของคำมั่นในสนธิสัญญาป้องกันประเทศที่มีต่อฟิลิปปินส์ โดยได้ออกแนวทางใหม่ที่กล่าวถึงการโจมตีในทะเลจีนใต้โดยเฉพาะ รวมทั้งการยามชายฝั่ง
"แนวทางการป้องกันทวิภาคี" ความยาว 6 หน้าเห็นพ้องกันในวอชิงตันเมื่อวันพุธ (19) ตามการผลักดันครั้งใหม่จากประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ให้ปรับปรุงสนธิสัญญาป้องกันร่วมกันกับอดีตผู้ปกครองยุคอาณานิคม ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดและการเผชิญหน้าทางทะเลกับจีนที่เพิ่มขึ้น
แนวทางดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ลงนามในสนธิสัญญาในปี 2494 หลังการประท้วงทางการทูตของฟิลิปปินส์ในปีที่ผ่านมาเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าการกระทำที่ "ก้าวร้าว" และการคุกคามต่อหน่วยยามฝั่งของตนจากจีน
แนวทางดังกล่าวระบุว่าคำมั่นในสนธิสัญญาทวิภาคีจะถูกยกเลิก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกโจมตีโดยเฉพาะในทะเลจีนใต้ และหากเรือยามฝั่งตกเป็นเป้าหมาย
นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงให้รวมการอ้างอิงถึงรูปแบบการสู้รบสมัยใหม่ รวมถึง "กลยุทธ์ในเขตพื้นที่ทับซ้อน" ซึ่งจีนถูกกล่าวหาว่าใช้เพื่อยืนยันการอ้างสิทธิ์อธิปไตยของตน แต่แนวทางดังกล่าวไม่ได้กล่าวถึงจีนโดยเฉพาะ
เพนทากอนระบุว่า
“การตระหนักว่าภัยคุกคามอาจเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ – รวมถึงทางบก ทางทะเล ทางอากาศ อวกาศ และไซเบอร์สเปซ – และอยู่ในรูปแบบของการสู้รบแบบอสมมาตร แบบผสม และแบบผิดปกติและแบบพื้นที่ทับซ้อน ทั้งในรูปแบบทั่วไปและรูปแบบที่ไม่ใช่แบบดั้งเดิม"
เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงต่างประเทศของจีนกล่าวว่า พวกเขาต่อต้านการใช้สนธิสัญญาป้องกันระดับทวิภาคีเพื่อแทรกแซงในทะเลจีนใต้ ซึ่ง "ไม่ควรเป็นพื้นที่ล่าสำหรับกองกำลังภายนอก"
แนวทางดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ระหว่างการเยือนวอชิงตันเพื่อเจรจากับ โจ ไบเดน ในสัปดาห์นี้โดยผู้นำฟิลิปปินส์
มาร์กอสยังได้พบกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งบอกกับเขาว่า "เราจะคอยช่วยเหลือคุณเสมอ ในทะเลจีนใต้หรือที่อื่นๆ ในภูมิภาค"
ความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นภายใต้การนำของมาร์กอส ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาได้อนุญาตให้กองทัพเข้าถึงฐานที่มั่นอื่นๆ ในประเทศของเขา กระตุ้นให้จีนกล่าวหาว่าข้อตกลงดังกล่าวเป็นการ "จุดไฟ" ความตึงเครียดในภูมิภาค