posttoday

ทูตสหรัฐระบุจีนต้อง 'ซื่อสัตย์มากขึ้น' เกี่ยวกับต้นกำเนิดของโควิด

01 มีนาคม 2566

เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจีนกล่าวว่า จีนต้องซื่อสัตย์มากขึ้นเกี่ยวกับต้นตอของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 หลังจากมีรายงานว่ากระทรวงพลังงานสหรัฐฯ สรุปว่าการแพร่ระบาดน่าจะเกิดจากการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการของจีน

นิโคลัส เบิร์นส์ ซึ่งพูดผ่านวิดีโอลิงก์ในงานหอการค้าสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์กล่าวว่า จำเป็นต้องผลักดันให้จีนมีบทบาทที่แข็งขันมากขึ้นในองค์การอนามัยโลก (WHO) หากจะต้องทำให้หน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติเข้มแข็งขึ้น

นอกจากนี้ จีนยังจำเป็นต้อง "ซื่อสัตย์มากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อ 3 ปีก่อนในอู่ฮั่นซึ่งเป็นต้นตอของวิกฤตโควิด-19"  เบิร์นส์ อ้างถึงเมืองอู่ฮั่นทางตอนกลางของจีน ที่มีรายงานผู้ป่วยรายแรกในเดือนธันวาคม 2019

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ว่า กระทรวงพลังงานสหรัฐได้สรุปว่าการแพร่ระบาดน่าจะเกิดขึ้นจากการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการในจีน ซึ่งเป็นการประเมินที่ปักกิ่งออกมาปฏิเสธ

โดยข่าวชิ้นดังกล่าว ได้อ้างอิงแหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงฯ ประเมินด้วย "ความมั่นใจระดับต่ำ" ในรายงานข่าวกรองลับที่เพิ่งส่งไปยังทำเนียบขาวและสมาชิกสภาคองเกรสคนสำคัญ ในขณะที่หน่วยงานของสหรัฐฯ อีก 4 หน่วยงาน พร้อมด้วยคณะกรรมการข่าวกรองแห่งชาติ ยังคงตัดสินว่า โควิด-19 น่าจะเป็นผลมาจากการแพร่เชื้อตามธรรมชาติ ขณะที่อีก 2 หน่วยงานยังไม่ตัดสินใจ

กระทรวงพลังงานยังไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวฉบับนี้

ขณะที่ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า มี "มุมมองที่หลากหลายในชุมชนข่าวกรอง" เกี่ยวกับต้นกำเนิดของโรคระบาด โดยระบุว่า

“พวกเขาจำนวนหนึ่งบอกว่าไม่มีข้อมูลเพียงพอ”

เมื่อถูกขอให้แสดงความคิดเห็นในรายงานซึ่งได้รับการยืนยันจากสื่ออื่นๆ ของสหรัฐฯ กระทรวงต่างประเทศของจีนอ้างถึงรายงานของ WHO  ซึ่งชี้ไปที่แหล่งกำเนิดตามธรรมชาติของการระบาด ซึ่งน่าจะมาจากค้างคาวมากกว่าการรั่วไหลของห้องปฏิบัติการ

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า "บางฝ่ายควรทบทวนเรื่องราว 'การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการ' เสียใหม่ หยุดใส่ร้ายจีน และหยุดสร้างประเด็นทางการเมืองเกี่ยวกับประเด็นการติดตามต้นกำเนิดของโควิด"

ขณะที่ เอกอัครราชทูต เบิร์นส์กล่าวกับสภาหอการค้าว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน โดยปักกิ่งพยายามบ่ายเบี่ยงคำตำหนิ หลังจากที่กองทัพสหรัฐฯ ยิงบอลลูนสอดแนมของจีนที่ล่องลอยข้ามพื้นทวีปของสหรัฐฯ ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ และจีนแสดงปฏิกิริยาอย่างฉุนเฉียวเมื่อกองทัพสหรัฐฯ ยิงบอลลูนตกเมื่อวันที่ 4 ก.พ. โดยระบุว่ามีบอลลูนดังกล่าวถูกใช้ในภารกิจติดตามสภาพอากาศและลอยออกนอกเส้นทางจากเหตุสุดวิสัย

“ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่ชาวจีน สูญเสียอิทธิพลและความน่าเชื่อถือทั่วโลกเพราะสิ่งที่พวกเขาทำ ตอนนี้พวกเขากำลังโทษเรา”  

"มันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะบิดเบือนเล็กน้อย และมันก็น่าหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะฉันคิดว่าทุกคนรู้ความจริงที่นี่"

 

เบิร์นส์เสริมว่าเป็นภาระหน้าที่ของสหรัฐฯ ในการคงกำลังทหารของตน "ในและรอบๆ ไต้หวัน" เพื่อให้แน่ใจว่าจะสามารถยับยั้ง "การกระทำที่ไม่เหมาะสม" ทุกรูปแบบโดยจีน

“นอกจากนี้ยังเป็น … ความรับผิดชอบของเราในการปลุกระดมส่วนที่เหลือของโลก เพื่อให้แน่ใจว่าชาวจีนไม่สามารถบีบบังคับหรือข่มขู่ไต้หวันได้”