posttoday

ซาอุดีอาระเบียชวนประเทศอาหรับปรับท่าทีต่อซีเรีย

20 กุมภาพันธ์ 2566

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซาอุดีอาระเบียกล่าวว่า การโดดเดี่ยวซีเรียที่ผ่านมาไม่ได้ผล และจำเป็นต้องมีการเจรจากับดามัสกัสอย่างน้อยก็เพื่อแก้ไขปัญหาด้านมนุษยธรรม รวมถึงการส่งกลับผู้ลี้ภัย

คำกล่าวของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟารฮัน อัล ซาอุด ในการประชุมความมั่นคงที่เมืองมิวนิคเมื่อวันเสาร์ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งแรก หลังจากสงครามกลางเมือง 12 ปีของซีเรีย เมื่อรัฐอาหรับหลายรัฐรวมถึงซาอุดีอาระเบียสนับสนุนกลุ่มกบฏที่ต่อสู้กับรัฐบาลของ บาชาร์ อัล-อัสซาด

'คุณจะเห็นไม่เพียงแต่ในคณะมนตรีความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council GCC ) เท่านั้น แต่โลกอาหรับยังเห็นพ้องต้องกันว่า สถานะการณ์ปัจจุบันไม่สามารถปฏิบัติได้'

เจ้าชายกล่าวว่าหากไม่มีเส้นทางไปสู่ 'เป้าหมายสูงสุด' สำหรับการแก้ปัญหาทางการเมือง อีกแนวทางหนึ่งคือ 'การปรับปรุงแก้ไข' เพื่อจัดการกับปัญหาผู้ลี้ภัยซีเรียในรัฐใกล้เคียงและความทุกข์ทรมานของพลเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างซีเรียและตุรกี

'ดังนั้น จึงต้องผ่านการเจรจากับรัฐบาลในดามัสกัสในบางประเด็นเพื่อบรรลุเป้าหมายที่สำคัญที่สุดอย่างน้อยที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านมนุษยธรรม การส่งกลับผู้ลี้ภัย เป็นต้น'

เมื่อถามถึงรายงานว่าเขาจะไปเยือนดามัสกัสหลังจากที่คณะผู้แทนเอมิเรตส์และจอร์แดนมาเยี่ยมเยือนหลังจากเกิดแผ่นดินไหว เจ้าชายเฟซาลกล่าวว่าเขาจะไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวลือ

ซาอุดีอาระเบียได้ส่งเครื่องบินช่วยเหลือไปยังดินแดนที่รัฐบาลครอบครองในซีเรีย เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามบรรเทาภัยพิบัติแผ่นดินไหว หลังจากที่ตอนแรกส่งความช่วยเหลือไปยังฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศซึ่งเป็นที่มั่นของฝ่ายกบฏเท่านั้น โดยรัฐบาลของอัสซาดได้หลีกเลี่ยงการสนับสนุนจากรัฐอาหรับ ซึ่งสร้างความสัมพันธ์กับเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งมีเป้าหมายเพิ่มอิทธิพลของอาหรับในซีเรียเพื่อต่อต้านอิหร่าน ขณะที่รัฐอาหรับอื่น ๆ ยังคงแสดงท่าทีระมัดระวัง และการคว่ำบาตรของสหรัฐต่อซีเรียยังคงเป็นปัจจัยที่ซับซ้อน

ทั้งนี้ อัสซาดสามารถควบคุมพื้นที่ในซีเรียได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียพร้อมกับกลุ่มมุสลิมชาวชิติที่สนับสนุนอิหร่าน เช่น กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอน ขณะที่ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซึ่งได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำมากขึ้น