posttoday

ศึกวัคซีนโควิดกับคดีฟ้องร้องยังส่อแววยืดเยื้อในปี 2023

31 ธันวาคม 2565

ดูท่าทีศึกวัคซีนโควิดยังไม่มีวี่แววจบง่ายๆ ซ้ำยังมีคาดการณ์ว่าข้อพิพาทด้านสิทธิบัตรระหว่างบริษัทวัคซีนเจ้าต่างๆอาจส่อเค้าเกิดความซับซ้อนในรูปคดีและยืดเยื้อต่อในปี 2023

ช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาผู้พัฒนาวัคซีน โมเดอร์นา (Moderna) ได้ยื่นฟ้องไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค (Pfizer and BioNTech) โดยอ้างว่าไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคได้ละเมิดสิทธิบัตร 3 ฉบับที่มีความเกี่ยวข้องกับนวัตกรรม mRNA ที่ทางโมเดอร์นาพัฒนามาตั้งแต่ก่อนการระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ทางด้านไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทคได้ออกมาโต้ตอบว่าโมเดอร์นานั้นกล่าวเกินจริงถึงการพัฒนาเทคโนโลยีด้าน mRNA ทั้งยังขอให้ศาลรัฐบาลกลางแห่งรัฐแมสซาชูเซตส์สั่งให้สิทธิบัตรของโมเดอร์นาเป็นโมฆะและยกฟ้องคดี

CureVac บริษัทชีวเภสัชกรรมสัญชาติเยอรมันยังเคยยื่นฟ้องต่อไบโอเอ็นเทคข้อหาละเมิดสิทธิบัตร mRNA เช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นศาลได้สินว่า CureVac พยายามหาประโยชน์จากความสำเร็จของวัคซีน หลังบริษัทตนไม่สามารถพัฒนาได้ตามคาด

ส่วนทางด้านโมเดอร์น่ายังเผชิญกับการฟ้องร้องจาก Arbutus Biopharma และ Genevant Sciences ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร Lipid nanoparticles (LNP) ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีวิธีการใช้สารที่เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับ mRNA เพื่อนำส่งเข้าไปสู่ตำแหน่งที่ต้องการในร่างกาย

ขณะที่ทางฝั่งบริษัท Acuitas ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของไฟเซอร์ในแคนาดา ก็เคยยื่นฟ้องบริษัท Arbutus Biopharma และ Genevant Sciences โดยขอให้ศาลระบุว่า สิทธิบัตรของ Arbutus เป็นโมฆะ เพราะวัคซีน Comirnaty ของไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ไม่ได้ละเมิดสิทธิบัตรของผู้ใด

นอกจากนี้ทั้งโมเดอร์นาและไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค ยังคยถูกบริษัท Alnylam Pharmaceuticals, Inc ฟ้องร้องในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร Lipid nanoparticles (LNP)

เทคโนโลยี Lipid nanoparticles (LNP) ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สารที่เป็นบรรจุภัณฑ์สำหรับ mRNA เพื่อนำส่งเข้าไปสู่ตำแหน่งที่ต้องการในร่างกาย ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญสำหรับอนาคตของการรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง ไข้หวัดใหญ่ และ HIV คาดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีการฟ้องร้องในคดีละเมิดสิทธิบัตร LNP อีกมาก เนื่องจากบริษัทผู้พัฒนามีเพิ่มขึ้นทั้งยังมาพร้อมกับความหวังด้านการเงินจำนวนมหาศาล

โมเดอร์นาโต้กลับในคดีต่างๆว่าควรฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐฯ ไม่ใช่บริษัท  เนื่องจากข้อตกลงในการจัดหาวัคซีนเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของรัฐบาลกลาง

ตามเอกสารของบริษัทที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ 9 เดือนแรกของปี 2565 ไฟเซอร์ฟันรายได้ไปกว่า 26,400 ล้านดอลลาร์จากการขายวัคซีน ขณะที่โมเดอร์นาทำไปได้ 13,500 ล้านดอลลาร์

สำหรับการฟ้องร้องคดีจะมีการเรียกค่าเสียหายเป็นจำนวนเงิน ยังไม่มีบริษัทใดขอให้ศาลตัดสินบริษัทที่ละเมิดสิทธิบัตรหยุดการผลิตหรือจำหน่ายวัคซีน