posttoday

'กังวลแต่ไม่ตื่นตระหนก' ชาวยูเครนคิดอย่างไรกับสงครามที่อาจเกิดขึ้น

14 กุมภาพันธ์ 2565

คำบอกเล่าจากชาวยูเครน ใช้ชีวิตอย่างไรหลังทั่วโลกจับตารัสเซียเตรียมบุก

แม้ว่ารัสเซียจะปฏิเสธมาโดยตลอดว่าไม่ได้มีแผนที่จะบุกยูเครนแต่อย่างใด แต่บรรดาสื่อต่างประเทศกำลังเกาะติดสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางความกังวลว่ารัสเซียจะบุกยูเครนพร้อมที่จะบุกยูเครนได้ทุกเมื่อ หลังระดมกำลังทหารมากกว่า 100,000 นายเข้าประชิดชายแดนยูเครน ขณะที่ความตึงเครียดทวีความรุนแรงขึ้น

The Guardian เปิดเผยคำบอกเล่าจากชาวยูเครน ซึ่งพบว่าพวกเขาส่วนใหญ่ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ โดยมองว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องใหม่เพราะยูเครนมีความขัดแย้งกับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียมาตั้งแต่ปี 2014 แต่ก็ยังมีความกังวลอยู่บ้าง

มันก็น่ากังวล

"สัปดาห์ที่แล้วฉันไปซูเปอร์มาเก็ตและตุนอาหารบางอย่างเอาไว้ สิ่งแรกที่เข้ามาในความคิดคือสิ่งที่ทำตอนเกิดโรคระบาดเลย ฉันตุนอาหารที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เช่น พาสต้า น้ำมันมะกอก อาหารกระป๋อง ข้าว แต่ฉันก็ไม่เห็นใครตื่นตระหนกตุนข้าวของกันนะ" จูเลีย วัย 34 ปี จากคิโรโวหราด เมืองในภาคกลางของยูเครน

"มันก็มีความรู้สึกไม่สบายใจเป็นปกติ บางครั้งก็ต้องใช้ยานอนหลับ" จูเลียกล่าวต่อ "ฉันอยู่ในภาคกลางของยูเครน กึ่งกลางระหว่างกรุงเคียฟกับไครเมีย มันยังห่างไกลภาคตะวันออกและเคียฟซึ่งสถานการณ์แย่กว่านี้มาก"

จูเลียเล่าว่าผู้คนที่นั่นรู้สึกตื่นตระหนกกว่าเธอมาก เพราะพวกเขารู้สึกว่าเป็นเป้าหมายหลัก เธอมีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในเคียฟกล่าวว่าหลายคนที่นั่นสมัครเรียนหลักสูตรการป้องกันตัว หรือแม้แต่ซื้อปืนไรเฟิลล่าสัตว์

'กังวลแต่ไม่ตื่นตระหนก' ชาวยูเครนคิดอย่างไรกับสงครามที่อาจเกิดขึ้น

"ฉันอาศัยอยู่กับลูกสาววัย 3 ขวบครึ่งและพ่อแม่ที่เกษียณแล้ว ลูกสาวของฉันและฉันมีหนังสือเดินทางยุโรป เพราะสามีของฉันเป็นชาวฝรั่งเศส แต่ฉันทนไม่ได้ที่จะทิ้งพ่อแม่ไว้ข้างหลัง"

ถ้ายูเครนบุก เราก็จะสู้

ดิมิโทร วัย 27 ปี จากกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเผยว่า "หลายคนคิดไว้แล้วว่าจะทำอย่างไรในกรณีที่เกิดการบุกรุก จะหนีไปที่ไหน หรือไปกับใคร แต่ผมไม่ต้องการหนีไปไหน ผมไม่ต้องการออกจากยูเครน ถ้ามีการบุกรุกผมจะร่วมมือกับกองทัพ" เช่นเดียวกับชาวยูเครนอีกหลายคนที่พร้อมจับอาวุธเพื่อปกป้องประเทศจากการรุกรานของรัสเซีย

หากถามว่ารัสเซียจะบุกจริงไหม ดิมิโทรมองว่ายังไม่สามารถคาดเดาอะไรได้ "การบุกรุกอาจเกิดขึ้นหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้ อาจจะ 50/50 แต่ 50 ก็เยอะนะ"

"ทุกคนดูกังวลนะ แต่ไม่ตื่นตระหนก สงครามและการคุกคามทางทหารจากรัสเซียมันเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา"

"แต่ตอนนี้มันกลายเป็นประเด็นหลักสำหรับสื่อ และกลายเป็นเรื่องปกติที่ชาวยูเครนนำมาพูดคุยกัน ผู้คนคุยกันว่าจะสู้หรือไม่สู้ หรือจะหนีไปที่ไหนสักแห่งในยุโรป...คลิปวิดีโอแนะนำบนยูทูบก็เต็มไปด้วยคลิปแนว "วิธีเตรียมตัวสำหรับการเอาตัวรอดในสงคราม"...บางคนกำลังกักตุนข้าวของบางอย่าง แต่ก็ไม่เยอะนะ ร้านค้าก็ยังเต็มไปด้วยสินค้า"

'กังวลแต่ไม่ตื่นตระหนก' ชาวยูเครนคิดอย่างไรกับสงครามที่อาจเกิดขึ้น

ความตึงเครียดที่น่ากลัว

"ฉันดูข่าวทุกๆ 30-40 นาที และมันส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตมากๆ แต่ฉันหยุดไม่ได้ และคิดอะไรไม่ออก...ฉันเป็นห่วงครอบครัวมาก ลูกสาววัย 4 ขวบและสามี พวกเราต้องการใช้ชีวิตในประเทศที่รัก ในเมืองที่รัก อยู่ในสังคมประชาธิปไตยแบบยุโรป ฉันต้องการวางแผนสำหรับอนาคต มีลูกอีกคน ไปเที่ยวรอบโลก"

"แต่ตอนนี้ฉันวางแผนอะไรไม่ได้เลย แม้แต่การเดินทางไปเยี่ยมญาติ เพราะฉันไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้น" อนาสตาเซีย วัย 34 ปี จากโอเดสซา หนึ่งในสมรภูมิสำคัญในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

"ทุกอย่างเงียบสงบบนท้องถนน คุณอาจคิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผู้คนต่างพยายามใช้ชีวิตของพวกเขา แต่ฉันสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่น่ากลัว ผู้คนพยายามเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงการโจมตีของรัสเซียที่อาจเกิดขึ้น แม้แต่ที่บ้านเราก็พยายามไม่พูดถึงมัน"

"แต่ทุกคนอ่านข่าวทุกวัน แล้วฉันก็เห็นความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นในสายตาเพื่อน เพื่อนบ้าน และครอบครัว" อนาสตาเซียกล่าว "สามีบอกกับฉันว่าถ้าสถานการณ์เลวร้ายที่สุด ให้ฉันและลูกหนีออกนอกประเทศ ส่วนเขาจะอยู่เพื่อต่อสู้"

ไม่มีใครตื่นตระหนก

ในทางกลับกันโรเดียน วัย 37 ปี จากโอเดสซา กล่าวว่า ผู้คนต่างพูดคุยกันถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่มีใครตื่นตระหนก ทุกคนใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป ผู้คนยังคงช้อปปิ้ง ไปทำงาน ไปโรงเรียน ไปธนาคารเหมือนเคย โดยไม่มีวี่แววสิ้นหวังหรือไม่ไว้วางใจ

"แม้ว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจะมีความตึงเครียดขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่สถานทูตอเมริกันสั่งให้เจ้าหน้าที่กลับบ้าน แต่ก็อย่างที่ประธานาธิบดียูเครนกล่าว เราต้องไม่ลืมว่าสงครามเริ่มตั้งแต่ปี 2014 เมื่อรัสเซียผนวกไครเมีย เพียงเพราะยูเครนไม่ได้เป็นศูนย์กลางของสื่อทั้งหมดในโลก ไม่ได้หมายความว่าไม่มีสงคราม มีคนเสียชีวิตไปราว 14,000 รายแล้ว...ผมคิดว่าสำหรับครอบครัวของผมและคนอื่นๆ พวกเขาไม่รู้สึกว่าวิกฤตครั้งนี้เป็นเรื่องใหม่"

โรเดียนเสริมว่า เมืองโอเดสซาเป็นศูนย์กลางของกองทัพเรือในยูเครน ดังนั้นจึงมีเรือของกองทัพเรืออยู่รอบๆ รวมถึงเรือของ NATO ด้วย ซึ่งเขามองว่าสิ่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าได้รับการปกป้องมากขึ้นเล็กน้อย

"คนที่นี่สนับสนุนยูเครนอย่างมาก พวกเขาสนับสนุนความเป็นอิสระ พวกเขาสนับสนุนความช่วยเหลือจากอเมริกาและอังกฤษ" โรเดียนกล่าว พร้อมเล่าว่าเขาอาศัยอยู่ที่อังกฤษมา 8 ปีแล้ว แต่กลับมาที่โอเดสซาในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อเยี่ยมครอบครัว ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่เขาได้กลับบ้านเพราะโควิด-19 ระบาด

Photo by REUTERS/Umit Bektas

ข่าวล่าสุด

ALATi “สยาม เคมปินสกี้” เมดิเตอร์เรเนียนโมเมนต์ สำหรับวันธรรมดาที่สุดพิเศษ