posttoday

'บ้านเอื้ออาทรแห่งแรกของโลก' 500 ปียังเก็บค่าเช่าปีละ 34 บาท

24 สิงหาคม 2564

เปิดตำนาน Fuggerei หมู่บ้านช่วยคนจนในเยอรมนี แม้ผ่านมา 500 ปีแต่ค่าเช่ายังเท่าเดิม

ฟุกเกอไร (Fuggerei) ที่ชาวบ้านมักเรียกกันว่าเป็น "หมู่บ้านในเมือง" เพิ่งครบรอบ 500 ปีไปหมาดๆ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา แม้จะมีการปรับปรุงพัฒนาจนเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยคือความต้องการช่วยเหลือสังคมด้วยค่าเช่าราคาเพียงปีละ 0.88 ยูโรเท่านั้น

หมู่บ้านแห่งนี้อยู่ที่เมืองเอากส์บวร์ก ประเทศเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1521 โดย ยาค็อบ ฟุกเกอร์ (Jakob Fugger) พ่อค้าผู้ร่ำรวยชาวเยอรมัน ที่เล็งเห็นว่าในสมัยนั้นครอบครัวที่ยากจนจะต้องถูกส่งไปยังสถานสงเคราะห์และต้องถูกแยกจากกันในที่สุด

แต่ Fugger เชื่อว่าการช่วยให้ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันและให้พื้นที่ส่วนตัวกับพวกเขา จะทำให้พวกเขาตั้งหลักและยืนหยัดด้วยตัวเองได้เร็วขึ้น ซึ่งเป็นแนวคิดที่ไม่ค่อยมีใครทำในเวลานั้น

ดังนั้น Fuggerei จึงถือเป็นโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม หรือ 'โครงการบ้านเอื้ออาทร' ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และยังคงจัดหาที่อยู่อาศัยราคาถูกโดยได้รับการอุดหนุนจากภาครัฐสำหรับผู้อยู่อาศัยในเอาก์สบวร์กที่ประสบปัญหาทางการเงิน

Fugger ลงนามในสัญญาเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 1521 โดยระบุเงื่อนไขในการเช่าไว้ว่าจะคิดค่าเช่าเพียง 1 กิลเดอร์ หรือเท่ากับ 0.88 ยูโรต่อปี (ราว 34 บาท) เพื่อช่วยแบกรับภาระทางการเงินของผู้อยู่อาศัย แต่มีเงื่อนไขอยู่ว่าผู้เช่าจะต้องเป็นผู้ที่มีปัญหาด้านการเงินแต่ไม่มีหนี้สิน ต้องอาศัยในเอากส์บวร์กมาไม่ต่ำกว่า 2 ปี และเป็นชาวคาทอลิก

'บ้านเอื้ออาทรแห่งแรกของโลก' 500 ปียังเก็บค่าเช่าปีละ 34 บาท

ภาพโดย Wolfgang B. Kleiner/Wikipedia

การใช้ชีวิตที่นี่อาจต้องแลกกับการตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น การช่วยงานสวน ช่วยดูแลรักษาบ้านเรือนและอาคารต่างๆ การอธิษฐานให้ Fugger ผู้ก่อตั้ง 3 ครั้งต่อวัน หรือช่วยตรวจตั๋วนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ของหมู่บ้านแห่งนี้

ตลอด 500 ปีที่ผ่านมา Fuggerei มีความเปลี่ยนแปลงไปบ้างอย่างเช่นจำนวนห้องที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการสร้างร้านกิฟต์ช็อป และพิพิธภัณฑ์สำหรับนักท่องเที่ยว

ในปี 1943 ยังได้มีการสร้างบังเกอร์เพื่อเป็นที่หลบภัยให้แก่ผู้อยู่อาศัยจากการถูกโจมตีทางอากาศและการทิ้งระเบิด โดยเกือบ 70% ของ Fuggerei ถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลยคือราคาเช่าถูกแสนถูกเพื่อช่วยเหลือบรรดาผู้อยู่อาศัยที่ประสบปัญหาด้านการเงิน

ที่หลายคนเรียกที่นี่ว่าหมู่บ้านในเมือง เพราะที่นี่ออกแบบมาให้มีพื้นที่สำหรับพบปะสังสรรค์ สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนบ้าน มีบรรยากาศที่อบอุ่น มีโบสถ์ และพื้นที่สีเขียว รวมถึงจตุรัสเล็กๆ ให้ผู้อยู่อาศัยได้มานั่งเล่นพบปะกัน

'บ้านเอื้ออาทรแห่งแรกของโลก' 500 ปียังเก็บค่าเช่าปีละ 34 บาท

ภาพโดย Lernerfolg/Wikipedia

Ilona Barber วัย 71 ปี ซึ่งอยู่ที่นี่มา 6 ปีด้วยเงินบำนาญอันน้อยนิด เธอเผยว่าเธอมีความสุขในบั้นปลายชีวิตอยู่กับสัตว์เลี้ยงและเพื่อนบ้านที่น่ารัก ทุกคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูลกันอยู่เสมอ

ไม่เพียงแต่ผู้สูงอายุเท่านั้น แต่หมู่บ้านแห่งนี้รองรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นผ้สูงอายุที่ไม่ได้ทำงานแล้ว พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว คนหนุ่มสาวที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิต หรือคู่รักวัยกลางคนที่กำลังมองหาความสงบสุข

Noel Guobadia วัย 27 ปี อาศัยอยู่ที่นี่กับแม่และน้องชายตั้งแต่เขายังเป็นวัยรุ่น แม่ของเขาเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวซึ่งประสบปัญหาด้านการเงิน

ในตอนแรกเขากังวลมากที่ต้องมาอยู่ที่นี่ เพราะมันเป็นที่ดินเก่าแก่และมีแต่ผู้สูงอายุ อีกทั้งครอบครัวของเขายังเป็นครอบครัวแรกของที่นี่ที่เป็นแรงงานข้ามชาติ

แต่เมื่อมาอยู่แล้วความกังวลของเขาก็หมดไป ทุกคนนั่งสังสรรค์ด้วยกันที่ลานเบียร์ และให้ความช่วยเหลือกันเสมือนเป็นคนในครอบครัว

สำหรับเขาแล้วที่นี่เป็นโอกาสที่คนหนุ่มสาวจะสามารถพัฒนาชีวิตของพวกเขาโดยไม่ต้องกังวลกับค่าเช่าบ้าน

"ผมสามารถอยู่ได้ด้วยเงินก้อนเล็กๆ ที่หาได้ระหว่างการฝึกงาน เพราะไม่มีภาระค่าเช่าบ้านราคาแพง ทำให้ผมมีโอกาสที่จะโฟกัสกับชีวิตตัวเอง และสร้างรากฐานให้กับชีวิต"

'บ้านเอื้ออาทรแห่งแรกของโลก' 500 ปียังเก็บค่าเช่าปีละ 34 บาท

ภาพโดย Tiia Monto/Wikipedia

ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 150 คน จากห้องเช้าทั้งหมด 140 ห้อง ซึ่งสามารถรับผู้อยู่อาศัยได้ประมาณ 30 ถึง 40 คนต่อปี โดยตอนนี้มีรายชื่อผู้ที่รอคิวอยู่ประมาณ 80 คน

ห้องพักของพวกเขาขนาดประมาณ 45 ถึง 65 ตารางเมตร มีห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน และห้องว่างเล็กๆ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างน้ำประปาและโทรทัศน์ โดยห้องชั้นล่างหนึ่งห้องเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนทั่วไปเข้าชมได้

ข้อมูลจาก Deutsche Welle