posttoday

อังกฤษตามรอยจีน ลุยกวาดล้างคริปโต

29 มิถุนายน 2564

นับเป็นอีกประเทศที่แสดงท่าทีไม่สนับสนุนการลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล

Binance Markets เป็นบริษัทลูกของ Binance Holdings บริษัทแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้รับคำสั่งระงับการให้บริการและยุติกิจกรรมภายใต้การควบคุมทั้งหมดในอังกฤษ

หลังจากที่ Financial Conduct Authority (FCA) หน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินของอังกฤษระบุว่าบริษัทดังกล่าวไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจ พร้อมเตือนประชาชนให้ระมัดระวังในการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลเนื่องจากมีความเสี่ยงสูง

ทั้งนี้ FCA ไม่ได้ควบคุมสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกับจีน เพียงแต่ Binance ต้องจดทะเบียนขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจในอังกฤษให้เรียบร้อยจึงจะสามารถดำเนินกิจการได้ เช่นเดียวกับบริษัทคริปโตรวมทั้งสิ้น 111 แห่งที่ยังไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายในอังกฤษ

นอกจากนี้ FCA ยังระบุว่ามีธุรกิจอีก 51 แห่งต้องถอนคำขอจดทะเบียนเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด ซึ่งบริษัทเหล่านั้นจะต้องยุติกิจการในประเทศ และอาจต้องดำเนินการทางกฎหมาย

แม้ว่าจะไม่ได้เป็นการควบคุมปราบปรามสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง แต่ก่อนหน้านี้อังกฤษแสดงท่าทีไม่ค่อยสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลเท่าไรนัก โดยแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งชาติของอังกฤษเคยออกมาเตือนบรรดานักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลว่าการลงทุนประเภทนี้มีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินทั้งหมด

"ผมขอย้ำคำที่เคยพูดตลอดช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า มัน (สกุลเงินดิจิทัล) ไม่มีมูลค่าในตัวเอง...ผมขอพูดอย่างตรงไปตรงมาอีกครั้งหนึ่ง จงซื้อมันต่อเมื่อคุณพร้อมจะสูญเงินทั้งหมดเท่านั้น" เบลีย์กล่าว

เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เบลีย์ยังเคยให้สัมภาษณ์ว่าส่วนตัวเขาไม่เชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะยั่งยืน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2017 เบลีย์เคยบอกเหมือนกันว่า หากเลือกลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ก็เตรียมเจ๊งได้เลย

นอกจากนี้เมื่อเดือนมกราคม FCA ก็เคยออกคำเตือนว่านักลงทุนต้องแบกรับความเสี่ยงสูงหากลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือการให้กู้ยืมที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล และหากลงทุนในสินทรัพย์เหล่านี้ต้องเตรียมพร้อมที่จะสูญเงินทั้งหมด

เช่นเดียวกับที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (Independent Financial Advisor; IFA) ในอังกฤษซึ่งส่วนใหญ่ไม่แนะนำให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลเนื่องจากมีความผันผวนสูง

อย่างไรก็ตามคำเตือนและคำแนะนำข้างต้นสวนทางกับการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง FCA เผยว่าชาวอังกฤษประมาณ 2.3 ล้านคนถือสกุลเงินดิจิทัลเพิ่มขึ้นจาก 1.9 ล้านคนในปีที่แล้ว

ทั้งนี้ แบงก์ชาติอังกฤษได้ออกสกุลเงินดิจิทัลของตนเองที่เรียกว่า Britcoin (บริตคอยน์) โดยธนาคารกลางจะเป็นผู้ควบคุมระบบการเงินทั้งหมด ค่าเงินขึ้นและลงตามสกุลเงินเช่นเดียวกับเงินสด และสามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย พร้อมชูจุดเด่นว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเนื่องจากไม่ต้องใช้พลังงานมหาศาลเพื่อขุดเหรียญ

ท่าทีของต่างประเทศ

แม้ว่าหลายประเทศจะมีท่าทีสนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลอย่างเอลซัลวาดอร์ซึ่งอนุมัติให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินที่สามารถใช้ชำระหนี้ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่จำกัดในการทำธุรกรรมใดๆ นับเป็นประเทศแรกของโลกที่ยอมรับสกุลเงินดิจิทัล และเม็กซิโกซึ่งเตรียมยื่นเสนอร่างกฎหมายเกี่ยวกับการยอมรับสกุลเงินดิจิทัล

แต่ในขณะเดียวกันสกุลเงินดิจิทัลก็กำลังเผชิญกับการปราบปรามโดยรัฐบาลในหลายประเทศ เช่นอิหร่านและเขตปกครองตนเองมองโกเลีย ซึ่งได้สั่งห้ามขุดคริปโตเนื่องจากกังวลถึงความสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้าและปัญหาขาดแคลนพลังงาน

รวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางไอร์แลนด์และญี่ปุ่นต่างประสานเสียงว่าความนิยมที่เพิ่มขึ้นของสกุลเงินดิจิทัลนั้นน่ากังวลอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการลงทุนเก็งกำไรที่ไม่มีการควบคุม มีความผันผวนสูงมาก และอาจทำให้ผู้ลงทุนสูญเงินทั้งหมด

นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐ และสวีเดนที่ส่งสัญญาณเพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น

แต่การปราบปรามที่ทำเอาวงการคริปโตสั่นสะเทือนครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลจีนประกาศห้ามสถาบันการเงินและบริษัทด้านการชำระเงินให้บริการธุรกรรมการเงินที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเมื่อเดือนที่แล้ว เพราะอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยทางด้านทรัพย์สินของประชาชนและเสถียรภาพทางการเงินและระบบเศรษฐกิจ

และสัปดาห์ที่ผ่านมาธนาคารกลางของจีนยังได้เรียกร้องให้ธนาคารและบริษัทชำระเงินปราบปรามการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลให้หนักขึ้น ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวล่าสุดโดยทางการจีนเพื่อยับยั้งการใช้เหรียญดิจิทัล

ข่าวล่าสุด

‘ชาติพัฒนา’ มีมติไม่ส่งผู้สมัคร สส. ชี้หลายปัจจัยไม่เอื้อพรรคเล็ก