posttoday

"ปันมุนจอม" เขตปลอดทหารที่พร้อมจะรบได้ทุกเมื่อ

30 มิถุนายน 2562

ทำความรู้จักเขตความมั่นคงร่วม (JSA) สถานที่ที่ทรัมป์จะเชคแฮนด์กับคิมจองอึน

 

ปันมุนจอม (หรือออกเสียงให้ถูกต้องตามภาษาเกาหลีคือ พันมุนจอม) เป็นชื่อหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในเขตปลอดทหาร หรือ DMZ ที่แบ่งพรมแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เป็นเขตปลอดทหารเพียงจุดเดียวที่อนุญาตให้มีทหารประจำการได้ แต่เป็นการประจำการเพื่อคุ้มครองสถานที่ดังกล่าวในฐานะพื้นที่เจรจาทางการทูตและการทหารระหว่าง 2 เกาหลี

ดังนั้นชื่ออย่างเป็นทางการของปันมุนจอม ก็คือ เขตความมั่นคงร่วม หรือ Joint Security Area (JSA) ส่วนปันมุนจอมเป็นชื่อหมู่บ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันในเขตเกาหลีเหนือ แต่ถูกขอยืมชื่อมาใช้เพื่อความสะดวก

เขตความมั่นคงร่วมปันมุนจอม ตั้งขึ้นในปี 1953 เพื่อเป็นจุดแลกเปลี่ยนเชลยศึกในช่วงสงครามเกาหลีในช่วงแรกยังไม่มีการกำหนดพื้นที่อย่างเป็นกิจจะลักษณะ การแลกเชลยศึกและจุดบอกเขตแดนของทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ที่สะพานไปไม่หวนกลับ หรือ Bridge of No Return ที่ได้ชื่อเช่นนี้เพราะเป็นจุดที่เชลยศึกจะต้องข้ามกลับดินแดนของตัวเอง แล้วจะไม่มีวันได้รับอนุญาตให้ข้ามกลับไปในดินแดนของอีกฝ่าย

"ปันมุนจอม" เขตปลอดทหารที่พร้อมจะรบได้ทุกเมื่อ แผนผัง JSA เส้นสีแดงคือเส้นแบ่งเขต เส้นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดที่ล้อมรอบไว้คือเขตแดนทั้งหมด อาคารสีขาวของเกาหลีใต้และสหประชาชาติ อาคารสีดำของเกาหลีเหนือ

อย่างไรก็ตาม ในปี 1976 เกิดกรณีที่ทหารฝ่ายเกาหลีเหนือบุกไปสังหารทหารสหรัฐที่กำลังจะเล็มกิ่งต้นไม้ใกล้ๆ กับสะพาน หรือกรณี Korean axe murder incident ทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่สหรัฐและเกาหลีใต้จะแสดงพลังข่มขู่เกาหลีเหนือด้วยการยกกองกำลังบุกตัดต้นไม้ที่แถบสะพานจนเกลี้ยง ทำให้ คิมอิลซองผู้นำสูงสุดของเกาเหนือ (ปู่ของคิมจองอึน) แสดงความเสียใจ นับเป็นครั้งแรกที่เกาหลีเหนือแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุรุนแรงในแถบเขตปลอดทหาร

หนึ่งในทหารเกาหลีใต้ที่ร่มในปฏิบัติการ Operation Paul Bunyan เพื่อแสดงพลังขู่เกาหลีเหนือคือทหารหนุ่มที่ชื่อ มุนแจอิน ซึ่งต่อมาเขาคือประธานาธิบดีเกาหลีใต้คนปัจจุบัน

หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวทั้ง 2 ฝ่ายตกลงกันว่าควรจะมีการกำหนดพื้นที่ความมั่นคงร่วมให้ชัดเจนกันไปเลย เกาหลีเหนือตอบรับอย่างรวดเร็ว ทำการถอนกับระเบิด และทำการสร้างสะพานเชื่อมต่อเขต JSA แห่งใหม่เสร็จภายในเวลาเพียง 72 ชั่วโมงและเลิกใช้สะพานไปไม่หวนกลับ โดยสะพานแห่งใหม่ ที่มีชื่อว่า The 72-Hour Bridge

สะพานไม่หวนกลับก็ยังใช้งานได้ จึงต้องมีป้อมยามรักษาการไว้ แต่เนื่องจากตั้งอยู่ไกลหูไกลตา ทำให้ทหารเกาหลีเหนือมักจะบุกเจ้ามาลักพาตัวทหารของเกาหลีใต้-สหประชาชาติที่ประจำการที่ป้อมยามฝั่งใต้ ทำให้จุดนี้มีความเสี่ยงอยู่เสมอและเรียกกันว่าเป็น "ป้อมประจำการที่โดดเดี่ยวที่สุดในโลก" (The Loneliest Outpost in the World) เพราะเสี่ยงต่อการคุกคามจากเกาหลีเหนือมากที่สุด

"ปันมุนจอม" เขตปลอดทหารที่พร้อมจะรบได้ทุกเมื่อ บิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐจับมือกับทหารเกาหลีเหนือที่สะพานไปไม่หวนกลับ

เมื่อข้ามสะพานจากฝั่งเกาหลีเหนือเข้ามาแล้วจะเป็นพื้นที่ JSA มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ตรงกลางเป็นเส้นแบ่งเขต 2 ฝ่าย หรือ MDL ที่ตรงกลางเส้นมีอาคารสำหรับจัดการเจรจาเรียงรายกันไป ในห้องประชุมจะมีผนังกั้น 2 ฝ่ายไว้ มีทหารประจำการด้านในคอยรักษาการประตูที่กั้นพรมแดนในห้องไว้

ตรงกลางแนวตึกของ MDL คือตึกสีฟ้า 2 หลังขนาบกัน ระหว่างตึกมีพื้นที่โล่งมีเส้นแบ่งเขตแดนเป็นอิฐคอนกรีตวางเรียงไว้พอให้เป็นที่สังเกตเห็น และมีทหารทั้ง 2 ฝ่ายยืนประจันหน้ากันอยู่ตลอดเวลา ทหารประจำการในจุดนี้แสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อกันอย่างชัดเจน ทหารเกาหลีใต้ที่คัดมาจะมีความสูง 170 เซนติเมตร เป็นนักเทควันโดหรือยูโดสายดำ มีปืนพกติดตัว สวมแว่นกันแดด ใบหน้าเรียบเฉย และกำมือแน่นเหมือนพร้อมที่จะต่อสู้อยู่ตลอดเวลา

พื้นที่โล่งตรงนี้คือจุดที่ตัวแทนของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะมาพบกันในโอกาสสำคัญ เช่นการพบกันระหว่างคิมจองอึนกับมุนแจอิน เมื่อปี 2018 และคาดว่าจะเป็นที่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะมาพบกับคิมจิงอึนช่วงเวลาสั้นๆ 

"ปันมุนจอม" เขตปลอดทหารที่พร้อมจะรบได้ทุกเมื่อ ทหารเกาหลีใต้ที่รักษาการให้ห้องประชุมสีฟ้า

หลังการพบกันของ 2 ผู้นำเกาหลีเมื่อปี 2018 มีข้อตกลงผ่อนปรนความเข้างวดใน JSA เช่น จะต้องไม่ติดอาวุธ จะต้องไม่มีกำลังคนมากกว่า 35 คน อนญาตให้เจ้าหน้าที่ 2 ฝ่ายและนักท่องเที่ยวข้ามเขตบางจุดได้อย่างเสรี

แม้ว่าจะเป็นเขตปลอดทหารและเขตความมั่นคงร่วม ซึ่งเป็นจุดที่ควรจะปลอดจากการสู้รบที่สุด แต่ JSA มีประวัติศาสตร์ของการเผชิญหน้าด้วยกำลังหลายครั้ง เช่น กรณีสังหารทหารสหรัฐ 2 นายที่สะพานไปไม่หวนกลับปี 1976 ก่อนหน้านั้นในปี 1975 ทหารยามของเกาหลีเหนือทำร้ายพันตรี ดับเบิลยู. ดี. เฮนเดอร์สันของสหรัฐ โดยทำร้ายเขาจากด้านหลังแล้วกระทืบคอของเขาซ้ำ

ในปี 1984 นักศึกษาโซเวียตชื่อวาซิลี มาตูซัก ที่เดินทางมาเที่ยว JSA ฝั่งเกาหลีเหนือ พยายามหนีมายังฝั่งใต้จนถูกไล่ยิง ทหารฝั่งใต้จึงยิงโต้ตอบและพยายามช่วยเหลือมาตูซัก ทำให้เกิดการยิงตอบโต้กันนานถึง 40 นาทีและมีเสียงปืนดังเป็นระยะอีก 20 นาที หลังจากเหตุการณ์ทหารฝ่ายเกาหลีเหนือบาดเจ็บ 5 นาย เสียชีวิต 3 นาย ถูกจับอีก 8 นาย ส่วนมาตูซักได้รับการช่วยเหลือในฐานะผู้ลี้ภัย

มีข้อมูลระบุว่าว่านายทหารเกาหลีเหนือที่ลงมือสังหารทหารอเมริกันในเหตุการณ์สะพานไปไม่หวนกลับปี 1976 ได้ เสียชีวิตในปะทะครั้งนี้ด้วย ถือว่าฝ่ายใต้ได้ล้างตาฝ่ายเหนือในที่สุด

 

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันอาทิตย์ที่ 14 ธ.ค. 68