posttoday

ทำความรู้จักกับแอสการ์เดีย ดินแดนที่เราทุกคนคือ "ธอร์"

06 เมษายน 2562

ยินดีต้อนรับสู่ประเทศที่ตอนนี้ยังไม่มีตัวตน แต่ทุกคนจะร่วมกันสร้างมันขึ้นมาในอวกาศ

ยินดีต้อนรับสู่ประเทศที่ตอนนี้ยังไม่มีตัวตน แต่ทุกคนจะร่วมกันสร้างมันขึ้นมาในอวกาศ

ใครที่เป็นแฟนภาพยนตร์แนวซูเปอร์ฮีโร่ คงรู้จักดินแดน แอสการ์ด (Asgard) อันเป็นดินแดนสรวงสวรรค์ในเรื่องธอร์ (Thor) กันเป็นอย่างดี แอสการ์ดคือดินแดนที่สถิตของเหล่าเทพและบรรดาวีรบุรุษแห่งชาวนอร์ส (ยุโรปตอนเหนือ) เป็นดินแดนอันงดงาม เป็นหนึ่งใน "โลกทั้ง 9" ในตำนานจักรวาลวิทยาชาวนอร์ส บรรดานักเขียนจึงมักนำชื่อของแอสการ์ดมาใช้ในนิยายวิทยาศาสตร์หรือเรื่องเล่าแฟนตาซี เช่น ในภาพยนตร์และการ์ตูนเรื่องธอร์ของค่ายมาร์เวล หรือในนิยายชุด Stargate

เมื่อเร็วๆ นี้ แอสการ์ดถูกขอยืมชื่อไปใช้โดยสถาบันแห่งหนึ่ง ซึ่งมีความฝันอันยิ่งใหญ่ที่จะสร้าง "แดนสวรรค์" ในอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลนั่นคือ ศูนย์วิจัยอากาศยานนานาชาติ (Aerospace International Research Center) แห่งประเทศออสเตรีย ก่อตั้งโดย อิกอร์ อาชูรเบย์ลี นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย-อาเซอร์ไบจาน

แอสการ์ดของอาชูรเบย์ลี มีชื่อว่า แอสการ์เดีย (Asgardia) เป็นสถานีอวกาศที่ลอยอยู่ระหว่างชั้นบรรยากาศของโลกกับผืนอวกาศอันไพศาล แต่แอสการ์เดียไม่ใช่สถานีอวกาศทั่วๆ ไปเหมือนอย่าง ISS ที่เป็นศูนย์วิจัยและปฏิบัติการในอวกาศแห่งเดียวที่โลกมีอยู่ และยังไม่เหมือนกับโครงการในฝันของประเทศและบริษัทต่างๆ ที่จะสร้างศูนย์ปฏิบัติงานและนิคมอวกาศที่พร้อมสรรพดังเช่นในภาพยนต์ไซไฟ

ทำความรู้จักกับแอสการ์เดีย ดินแดนที่เราทุกคนคือ "ธอร์"

แอสการ์เดียจะเป็นทั้งศูนย์อวกาศ เป็นทั้งเทอร์มินอล หรืออาคารที่พักผู้โดยสาร และเป็น "รัฐชาติ" (Nation state) ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับกิจกรรมด้านอวกาศของชาวโลกโดยไม่มีชาติใดชาติหนึ่งเป็นผู้ผูกขาด

 

อาชูรเบย์ลี ได้ประกาศเริ่มโครงการนี้เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2016 จุดประสงค์ของเขามิใช่เพื่อสร้างอาณานิคมในอวกาศ แต่เมื่อสร้างประเทศหรือชาติใหม่ขึ้นมาบนนิคมลอยฟ้า เพื่อใช้เป็นจุดผ่านเข้า-ออกและแวะพักของชาวโลกที่จะเดินทางไปยังจักรวาล โดยที่ไม่ต้องผูกมัดกับเงื่อนไขกฎหมายและการเมืองของชาติใดชาติหนึ่งบนพื้นโลก

สาเหตุที่ต้องสร้างแดนสวรรค์แอสการ์เดียก็เพราะตอนนี้มีการร่างสนธิสัญญาอวกาศแดนไกล (Outer Space Treaty) ขึ้นมา ซึ่งอาจจะยิ่งทำให้ความเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ยิ่งอยู่ในกรอบมากเกินไป แอสการ์เดียจึงเป็นเหมือนรัฐอิสระที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นที่รวมตัวของผู้รักเสรีภาพในการเดินทางในจักรวาลโดยแท้

นับตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนเป็นพลเมืองแอสการ์เดียจนถึงเดือนเมษายนปี 2019 มีพลเมืองราว 1,049,960 คน ผู้อยู่อาศัย 18,282 คน และพยายามยื่นเรื่องไปยังสหประชาชาติเพื่อขอรับรองการเป็นประเทศ 

แต่โจแอน กาบรีโนวิช ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายอวกาศและอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งปักกิ่ง เชื่อว่า แอสการ์เดียจะประสบปัญหาในการได้รับการยอมรับในฐานะประเทศ เธอกล่าวว่า "ในโลกของเรามีปัญหาเกี่ยวกับดินแดนที่อยากจะมีสถานะเป็นประเทศเอกราชมานานแล้ว และมีเหตุผลอันสมควรที่วัตถุที่ไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ (อย่างแอสการ์เดีย) จะเป็นปัญหาถกเถียงเกี่ยวกับสถานะของมันเช่นกัน"

ทำความรู้จักกับแอสการ์เดีย ดินแดนที่เราทุกคนคือ "ธอร์"

 

แต่ถ้าใครไม่ติดใจเรื่องสถานะที่ยังค้างๆ คาๆ  และอยากจะเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งอนาคต ขอเพียงมีคุณสมบัติเหล่านี้ คุณก็เป็นพลเมืองของแอสการ์เดียได้แล้ว

อย่างแรก ต้องมีอายุเกิน 18 ปี และมีที่อยู่อีเมล ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเพศใด เชื้อชาติใด ศาสนาใด ไม่จำเป็นว่าต้องรวยหรือจน ไม่เว้นแม้แต่คนที่เคยผ่านคดีหรือเป็นอาชญากรมาก่อน หากพ้นจากความผิดแล้วก็สามารถสมัครได้

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นด้วยความที่ยังไม่มีการวางระบอบการปกครอง อาชูรเบย์ลีจึงรับหน้าที่เป็นประมุขของประเทศแอสการ์เดียไปพลางๆ ก่อน และชื่อเรียกเฉพาะกาลของประเทศนี้คือ "อาณาจักรอวกาศแห่งแอสการ์เดีย"

ฟังดูแล้วเหมือนเป็นงานชุมนุมของคนสติเฟื่องที่เป็นแฟนคลับนิยายไซไฟ แต่โครงการแอสการ์เดียไม่ใช่แค่ฝัน หากแต่มีเป้าหมายที่ปฏิบัติได้จริง และ "รัฐบาลแอสการ์เดีย" ทำให้ผู้ที่เชื่อมั่นในประเทศแห่งนี้มั่นใจยิ่งขึ้น ด้วยการส่งดาวเทียม Asgardia-1 ขึ้นสู่วงโคจร

ดาวเทียมดวงนี้มีขนาดเล็กจิ๋ว หรือนาโนแซท (Nanosat) ขนาดเท่าก้อนขนมปัง บันทึกข้อมูลขนาด 0.5 TB ของผู้ที่ขึ้นทะเบียนเป็นพลเมืองของแอสการ์เดีย จำนวน 18,000 คน รวมถึงสัญลักษณ์และรัฐธรรมนูญของประเทศนี้

ทำความรู้จักกับแอสการ์เดีย ดินแดนที่เราทุกคนคือ "ธอร์"

 

เรียกได้ว่าเป็นการส่งดาวเทียมเพื่อ "ปักหมุด" หรือ "วางเสาเข็ม" แรกของประเทศลอยฟ้าแห่งนี้

แผนการในระยะยาว คือการสร้างแพลตฟอร์มสำหรับอยู่อาศัยและปฏิบัติงาน โดยแพลตฟอร์มแรกจะตั้งอยู่เหนือผืนโลกประมาณ 161-321 กม. ซึ่งเป็นระดับเดียวกับสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ ISS (โคจรเหนือพื้นโลกประมาณ 400 กม.)

ในชั้นต้นจะมีการส่งมนุษย์ไปยังจุดดังกล่าวเป็นครั้งแรกโดยประเทศแอสการ์เดีย ภายในปี 2025 แต่จริงๆ แล้วพลเมืองไม่จำเป็นต้องตั้งตาคอยที่จะอยู่บนประเทศลอยฟ้า เพราะจุดประสงค์หนึ่งของการเป็นพลเมืองของแอสการ์เดีย คือการมีสังกัดในประเทศที่พร้อมจะมอบเสรีภาพที่มากกว่าให้กับทุกคน

ถามว่าการตั้งรัฐชาติในวงโคจรของโลกนั้นมีประโยชน์อย่างไร?

นอกจากประโยชน์ในการเอื้อพลเมืองชาวโลกในการเคลื่อนไหวด้านต่างๆ ในอวกาศที่ไร้จุดจบโดยไม่ต้องผูกมัดกับกฎหมายที่เข้มงวดเกินไปของประชาคมโลก แอสการ์เดียยังเอื้อต่อการทำธุรกิจที่เหนือผืนโลกหรือที่เกี่ยวข้องกับดาวเคราะห์อื่นๆ

อวกาศเป็นพรมแดนสุดท้ายของมนุษยชาติที่รอการค้นพบ และแสวงหาความมั่งคั่งที่มากมายราวกับไม่มีวันสิ้นสุด

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท