ชาวอิตาลีเดือด! เหตุสะพานถล่ม ก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน แฉคอรัปชั่นเพียบ
ทางการอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉิน รับเหตุสะพานถล่ม คาดสะพานอีกนับร้อยแห่งมีความเสี่ยงสูง ขณะที่ยอดตายพุ่ง 39 ราย
ทางการอิตาลีประกาศภาวะฉุกเฉิน รับเหตุสะพานถล่ม คาดสะพานอีกนับร้อยแห่งมีความเสี่ยงสูง ขณะที่ยอดตายพุ่ง 39 ราย
จากเหตุสะพานโมรันดี ซึ่งเป็นสะพานเชื่อมทางหลวงในเมืองเจนัวของอิตาลีถล่มเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมานั้น ล่าสุดยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้อยู่ที่อย่างน้อย 39 ราย โดยในจำนวนนี้เป็นเด็ก 3 คน ซึ่งขณะนี้การกู้ภัยยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและคาดว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะสูงขึ้นมากกว่านี้
ด้านนายมัตธีโอ ซัลวานี รมว.มหาดไทยอิตาลีเผยว่า เป็นการยากที่จะระบุจำนวนผู้สูญหายอย่างชัดเจน เนื่องจากไม่รู้ว่าขณะเกิดเหตุนั้น มีผู้เคราะห์รายกำลังขับรถผ่านบนสะพาน หรือกำลังพักผ่อนในที่อพาร์ทเม้นต์ใกล้เคียงกับจุดสะพานถล่มมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ดีเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจต่อชาวเมืองอย่างมาก พร้อมกับเรียกร้องให้มีผู้รับผิดชอบ เนื่องจากพบว่าก่อนหน้านี้สะพานได้ผ่านการซ่อมแซมบำรุงรักษามาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุสลดดังกล่าว
ศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเจนัว ระบุว่าเหตุสะพานถล่มนี้อาจมาจากความผิดพลาดของการก่อสร้างในช่วงที่ปรับปรุงสะพาน มีการใช้วัสดุที่ต่ำกว่ามาตรฐาน รวมถึงบริษัทที่ประมูลงานก่อสร้างเมื่อหลายสิบปีก่อนก็พัวพันกับกลุ่มมาเฟียในท้องที่ ประกอบกับช่วงที่รัฐบาลอิตาลีประสบปัญหาด้านการเงินจากวิกฤตยูโรโซน จึงจำเป็นต้องตัดลดงบประมาณในด้านโครงสร้างพื้่นฐานทางคมนาคมลง
ด้านนายจูเซปเป คอนตี นายกรัฐมนตรีของอิตาลี กล่าวว่า รัฐบาลอิตาลีจะไม่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์นี้ หรือรอให้อัยการสืบสวนเหตุการณ์จนเสร็จ จึงจำเป็นต้องประกาศสถาการณ์ฉุกเฉินในเมืองเจนัว เป็นเวลา 12 เดือน เร่งกระบวนการกู้ภัย สอบสวน เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
ขณะที่นาย ลุยจี ดิ มัยโอ รองนายกรัฐมนตรีอิตาลี และเป็นหัวหน้าพรรคไฟฟ์สตาร์ ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล ได้กล่าวหาบริษัท Autostrade per l'Italia ซึ่งเป็นเอกชนผู้รับผิดชอบสะพานดังกล่าวว่าเพิกเฉยต่อการบำรุงรักษาจนเกิดเหตุสลดดังกล่าว จึงควรที่จะเพิกถอนและพิจารณาสัมปทานในการบริหารสะพานและทางหลวงหลายสายซึ่งคิดเป็นระยะทางราว 2,000 ไมล์ที่บริษัทนี้ดูแลอยู่
ทั้งนี้ รายงานยังระบุว่าราว 70% ของทางหลวง สะพาน และอุโมงค์ นับหลายร้อยแห่งในอิตาลีล้วนมีอายุการใช้งานเกิน 40 ปี หลายแห่งสร้างขึ้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งต้องการบูรณะครั้งใหญ่ แต่ในปัจจุบันยังคงใช้งานอยู่แถมยังต้องรองรับปริมาณจราจรที่หนาแน่นเกินกว่าที่ถูกออกแบบให้สามารถรองรับได้