เวียดนามเปิดค้าเสรี 60ประเทศเอื้อธุรกิจไทย

โดย...ชลธิชา ภัทรสิริวรกุล

หลังจากที่ประเทศเวียดนามปรับตัวให้เข้ากับระบบเศรษฐกิจแบบเสรีของโลก เพื่อให้ก้าวสู่การเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาและทันสมัยภายในปี 2563 ทำให้เศรษฐกิจของเวียดนามมีการเติบโตและมีรูปแบบที่สากลขึ้น เหตุนี้จึงทำให้เห็นว่าที่ผ่านมาเวียดนามได้พยายามปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ รวมทั้งการเปิดเจรจาการค้าเสรีกับชาติต่างๆ เพื่อเปิดตลาดสินค้า บริการ และการลงทุน

ข้อมูลล่าสุดจากการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของเวียดนามที่จัดขึ้นในกรุงฮานอย เมื่อช่วงต้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา เวืองดิงเหวะ รองนายกรัฐมนตรีเวียดนาม ได้บอกว่า ปีนี้เวียดนามมีความจำเป็นอย่างยิ่งในการดำเนินการแผนงาน (โรดแมป) ตามข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาเวียดนามได้เร่งสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศผ่านการเจรจาและโครงการความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมความร่วมมือภายในประเทศให้สอดคล้องกับข้อตกลงความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ การปฏิรูปสถาบัน และการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ตามรูปแบบการเจริญเติบโตประเทศที่ได้ให้สัตยาบันข้อตกลงเขตการค้าเสรีแบบทวิภาคีและพหุภาคีกับ 10 ประเทศจนถึงตอนนี้เวียดนามมีพันธมิตรทางการค้าในระดับภูมิภาคและระดับโลกมากมาย

อย่างไรก็ดี เวียดนามจะดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค (RCEP) เขตการค้าเสรี (FTA) แบบทวิภาคีกับอิสราเอลและคิวบา และข้อตกลงหุ้นส่วนในทุกด้านและก้าวหน้าภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ซึ่งเป็นข้อตกลงใหม่ที่สร้างโอกาสความร่วมมือระดับโลกแทนข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ฉบับเดิมที่สหรัฐถอนตัวออกไป

นอกจากนี้ ปัจจุบันกว่า 60 ประเทศเศรษฐกิจทั่วโลก รวมไปถึงพันธมิตรทางการค้าที่สำคัญกำลังเตรียมดำเนินการเจรจากับเวียดนาม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 90% ของการค้าหมุนเวียนของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หากเจรจาสำเร็จจะทำให้เวียดนามมีความน่าสนใจและมีความได้เปรียบสูง เนื่องจากมีแต้มต่อทางภาษีในการ ส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ

ปิตินันท์ สมานวรวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ให้ความเห็นว่า การที่เวียดนามทำข้อตกลงทางการค้ากับประเทศต่างๆ โดยการเปิดเสรีด้านการค้า การลดภาษี และอุปสรรคข้อกีดขวางทางการค้าที่มิใช่ภาษี รวมทั้งการปรับเปลี่ยนโครงสร้างภาษีศุลกากรเพื่อเอื้ออำนวยต่อการค้าเสรีจะส่งผลประโยชน์ต่อผู้บริโภคในเวียดนาม โดยทำให้ราคาสินค้าถูกลงสามารถซื้อสินค้าได้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มการแข่งขันทางการค้าภายในประเทศเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจรูปแบบหนึ่ง

"ผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในเวียดนามสามารถใช้ประโยชน์จากการที่เวียดนามเปิดเจรจาข้อตกลงเสรีทางการค้าระหว่างประเทศต่างๆ และสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการส่งออกสินค้าไปยังประเทศที่ทำข้อตกลงเขตการค้าเสรีเพื่อขยายโอกาสในการดำเนินธุรกิจมากยิ่งขึ้น จึงนับเป็นอีกลู่ทางที่มองข้ามไม่ได้" ปิตินันท์ กล่าว