posttoday

เปิดแฟ้ม 'สลัดโซมาเลีย' นักปล้นสันติภาพแห่งท้องทะเล

26 กันยายน 2553

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา โจรสลัดโซมาเลียกลายเป็นชื่อที่นานาประเทศรู้จัก ในฐานะภัยคุกคามสันติภาพทางทะเลที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา โจรสลัดโซมาเลียกลายเป็นชื่อที่นานาประเทศรู้จัก ในฐานะภัยคุกคามสันติภาพทางทะเลที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

เปิดแฟ้ม 'สลัดโซมาเลีย' นักปล้นสันติภาพแห่งท้องทะเล

ข้อมูลจากสำนักงานกิจการนาวีระหว่างประเทศ พบว่าในปี 2550 มีความพยายามจี้ปล้นเรือ ซึ่งกระทำได้สำเร็จนอกชายฝั่งโซมาเลียรวมกันแล้วกว่า 31 ครั้ง และเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า หรือกว่า 60 ครั้งในปีถัดมา

จากเดิมในช่วงปี 2548-2550 โซมาเลียถูกจัดให้เป็นประเทศที่ปฏิบัติการของโจรสลัดเกิดขึ้นมากติดอันดับ 1 ใน 5 มาวันนี้ก็ได้กลายมาเป็นกลุ่มโจรสลัดที่มีปฏิบัติการทะยานแซงหน้ากลายเป็นเบอร์ 1 ของโลกแล้วในปัจจุบัน

ปฏิบัติการปล้นเรือสินค้าของโจรสลัดโซมาเลียโดยส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นบริเวณอ่าวเอเดน ทางตอนเหนือของโซมาเลีย ซึ่งเป็นเส้นทางสู่คลองสุเอซ ที่ตัดเชื่อมระหว่างมหาสมุทรอินเดีย และทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเส้นทางการเดินเรือที่มีเรือสัญจรไปมาพลุกพล่านที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

ไม่เฉพาะเรือสินค้าพาณิชย์ของนานาประเทศรวมทั้งไทยเท่านั้น เรือของโครงการอาหารโลกในสังกัดของสหประชาชาติซึ่งใช้ในการขนส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปช่วยเหลือชาวโซมาเลียซึ่งตกอยู่ในภาวะยากลำบากกว่า 3 ล้านคน ก็ไม่วายถูกโจรสลัดโซมาเลียปล้นด้วยเช่นกัน

พฤติกรรมการจี้ปล้นของโจรสลัดโซมาเลียได้สร้างความเสียหายให้กับกิจการเดินเรือพาณิชย์เป็นมูลค่ามหาศาล จากข้อมูลพบว่าเรือสินค้าที่ถูกโจรสลัดโซมาเลียเข้ายึดจะต้องเสียค่าไถ่เรือ ไถ่ตัวลูกเรือ หรือไถ่สินค้าบนเรือโดยเฉลี่ยแล้วเป็นมูลค่าสูงถึงลำละ 5 แสน2 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1561 ล้านบาท)

นอกเหนือจากมูลค่าความเสียหายในทางตรงแล้ว บริษัทเดินเรือพาณิชย์หลายแห่งยังพยายามจะหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากโจรสลัดโซมาเลียด้วยการเดินเรืออ้อมแหลมกู๊ดโฮปของแอฟริกาใต้แทน ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลา และต้องแบกรับภาระค่าน้ำมันมากขึ้น

ขณะเดียวกันเบี้ยประกันภัยของเรือที่ต้องผ่านเข้าใกล้เส้นทางดังกล่าวก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว ทั้งนี้มีการประเมินกันว่าปฏิบัติการโจรสลัดในปีนี้ทำให้โลกต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 60–70 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 1,800–2,100 ล้านบาท)

ปัญหาการปล้นเรือสินค้าของโจรสลัดที่ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นส่งผลให้เมื่อเดือน ต.ค. 2551 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์เรียกร้องให้นานาประเทศร่วมกันดำเนินการปราบปรามโจรสลัดโซมาเลีย ขอให้ส่งเรือรบและเครื่องบินรบมาช่วยในปฏิบัติการปราบปราม

ส่วนสหภาพยุโรปก็ได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันที่จะดำเนินการลาดตระเวนนอกชายฝั่งโซมาเลีย โดยมี 8 ประเทศ คือ เบลเยียม ไซปรัส ฝรั่งเศส เยอรมนี ลิทัวเนีย เนเธอร์แลนด์ สเปน และสวีเดน ได้ให้คำมั่นแล้วว่าจะเข้าร่วมปกป้องเรือที่เดินทางผ่านน่านน้ำดังกล่าว

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา รัฐบาลไทยก็ได้ตัดสินใจส่งหมู่เรือ ซึ่งประกอบไปด้วยเรือหลวงสิมิลัน เรือหลวงปัตตานี เฮลิคอป เตอร์ลำเลียงแบบเบลล์ 212 จำนวน 2 เครื่อง และทหารชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ 2 ชุด เข้าร่วมกับกองเรือนานาชาติอีกกว่า 24 ประเทศ

ย้อนกลับไปที่สาเหตุที่ทำให้โจรสลัดในโซมาเลียสามารถก่อตัวและออกปฏิบัติการได้อย่างกว้างขวางเช่นในปัจจุบันนี้ ผู้เชี่ยวชาญลงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ามีรากฐานสำคัญมาจากภูมิหลังทางประวัติ ศาสตร์ซึ่งยังไม่เคยสัมผัสกับสันติภาพมาก่อนเลยของโซมาเลีย

ภายหลังโซมาเลียได้รับเอกราชจากอังกฤษและอิตาลี เจ้าอาณานิคมเดิมเมื่อปี 2503 ประเทศโซมาเลียก็อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลพลเรือนได้เพียงระยะสั้นๆ ในปี 2512 กลุ่มทหารนำโดย พล.อ.โมฮัมเหม็ด ซีอาด บาร์ ได้ทำการปฏิวัติยึดอำนาจการปกครอง และบริหารประเทศตามแนวทางสังคมนิยม

ต่อมาเมื่อมีความพยายามจะท้าทายอำนาจทางการเมือง พล.อ.โมฮัมเหม็ด ซีอาด บาร์ จึงได้เปลี่ยนแนวทางมาเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จไว้แต่เพียงผู้เดียว พร้อมทั้งสั่งสังหารคู่แข่งทางการเมืองไปหลายคน พฤติกรรมดังกล่าวส่งผลให้เกิดกลุ่มต่อต้านรัฐบาลขึ้นในพื้นที่ต่างๆ มากมาย จนในที่สุด พล.อ.โมฮัมเหม็ด ซีอาด บาร์ ก็ถูกโค่นจากอำนาจเมื่อปี 2534

หลังผู้นำเผด็จการถูกโค่นลงจากอำนาจ โซมาเลียก็ต้องแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า เนื่องจากกลุ่มที่เคยต่อต้านรัฐบาลหันมาจับอาวุธสู้รบเพื่อแย่งชิงอำนาจกันเอง และแปลงสภาพโซมาเลียให้ตกอยู่ภายใต้สภาวะอนาธิปไตยเรื่อยมาจนกระทั่งถึงในปัจจุบัน

สภาวะอนาธิปไตยที่ประชาชนแตกเป็นก๊กเป็นเหล่า และหยิบจับอาวุธขึ้นรบราฆ่าฟันกัน ขณะที่ไร้ซึ่งรัฐบาลหรือศูนย์กลางอำนาจที่จะสามารถธำรงกฎกติกา และรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองไว้ได้เช่นนี้เองที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการก่อตัวขึ้นของโจรสลัด

กลุ่มติดอาวุธของกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ นอกจากจะหันมาต่อสู้กันเพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่แล้ว ยังหันมายึดอาชีพปล้นเรือเพื่อหารายได้และรับประกันความอยู่รอดของกลุ่ม

ขณะที่ประชาชนทั่วไปซึ่งก่อนหน้านี้เคยยึดอาชีพทำประมง ภายหลังบ้านเมืองแตกเป็นฝักเป็นฝ่าย และเกิดสงครามกลางเมืองช่วงชิงอำนาจของฝ่ายต่างๆ ก็ไม่สามารถดำเนินชีวิตอย่างเป็นปกติสุขได้ เนื่องจากต้องระดมสรรพกำลังเพื่อป้องกันความปลอดภัยของตนเอง ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ชาวประมงบางส่วนตัดสินใจเข้าร่วมปฏิบัติการปล้นเรือกับกลุ่มติดอาวุธ

จากจุดเริ่มต้นซึ่งเป็นเพียงแค่การปล้นแบบชั่วครั้งชั่วคราวเพื่อความอยู่รอด ต่อมาก็ได้พัฒนากลายเป็นอาชีพหลักของกลุ่มติดอาวุธ ปฏิบัติการปล้นเรือสินค้าซึ่งมองว่าเป็น “การค้าที่ไม่ต้องลงทุน” นี้ ก็ได้ช่วยสั่งสมความมั่งคั่งให้กับกลุ่มโจรสลัดโซมาเลียมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นธุรกิจใหญ่ทำกำไรมหาศาล และเป็นการเปิดโอกาสให้กลุ่มโจรสลัดสามารถใช้เงินในการซื้อหาอาวุธยุทโธปกรณ์ และเทคโนโลยีอันทันสมัยมาใช้ในปฏิบัติการได้

โจรสลัดโซมาเลียในปัจจุบันจึงไม่ได้มีภาพลักษณ์เหมือนกับโจรสลัดสมัยก่อนตามที่ปรากฏในภาพยนตร์ ไม่ได้มีแต่เฉพาะขวาน ดาบ หรือปืนลูกซองเป็นอาวุธ ทว่ายังพัฒนาไปถึงขั้นการใช้เรือเร็ว ระบบต่อต้านการโจมตีทางอากาศแบบเคลื่อนที่ ปืนยิงจรวดแบบประทับบ่า ปืนกล AK47 รวมถึงระบบ GPS และโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม

การเข้าบุกยึดเรือสินค้า โจรสลัดจะใช้เรือเร็วที่ทันสมัย 2–3 ลำ โอบล้อมเป้าหมาย ก่อนจะบุกขึ้นเรือแบบไม่ให้ลูกเรือรู้ตัวโดยใช้ตะขอเกี่ยว รวมทั้งใช้บันไดและเชือกสำหรับปีนขึ้นเรือ บางครั้งอาจมีการยิงขู่เพื่อให้เป้าหมายหยุดเรือ เมื่อยึดเรือได้แล้วก็จะนำเรือที่ยึดได้ไปจอดทอดสมอที่เมืองอิลล์ ในเขตกึ่งปกครองตนเองปุนท์แลนด์ทางตอนเหนือของประเทศ และจะนำตัวประกันขึ้นบกไปดูแลอย่างดีจนกว่าจะได้รับค่าไถ่

สิ่งหนึ่งที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่ และสร้างความกังวลใจให้กับหลายฝ่ายก็คือ โจรสลัดกำลังกลายเป็นสิ่งที่คนในสังคมโซมาเลียให้การยอมรับ ส่วนหนึ่งก็เนื่องมาจากกลุ่มโจรสลัดได้ก้าวขึ้นมาเป็นกลุ่มคนที่มั่งคั่งทางฐานะร่ำรวยทั้งเงิน รวยทั้งอำนาจ คนหนุ่มสาว คนรุ่นใหม่ซึ่งไม่รู้ว่าจะประกอบอาชีพหรือทำมาหากินอะไร จึงมองเห็นการยึดอาชีพโจรสลัดเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

หลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นในใจว่า ในเมื่อปัญหาโจรสลัดโซมาเลียกลายเป็นปัญหาใหญ่ระดับโลกเช่นนี้ เหตุใดรัฐบาลของโซมาเลียจึงถึงได้นิ่งนอนใจและไม่ดำเนินมาตรการบางอย่างเพื่อจัดการสะสางปัญหา

คำตอบของคำถามนี้ก็คือ รัฐบาลโซมาเลียไม่ได้นิ่งนอนใจ มิหนำซ้ำยังได้ประกาศนโยบายปราบปรามโจรสลัด พร้อมอนุญาตให้กองเรือนานาชาติสามารถเข้ามาปฏิบัติการในน่านน้ำโซมาเลียด้วย หากแต่ว่ารัฐบาลโซมาเลียไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะใช้กำลังเข้าจัดการปราบปรามกลุ่มโจรสลัด ตลอดจนไม่สามารถสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองได้

หนทางในการรักษาเยียวยาปัญหาดังกล่าวที่อาจจะกระทำได้ในขณะนี้จึงได้แก่ ความร่วมมือจากนานาชาติในการยับยั้งและปราบปรามปฏิบัติการของเหล่าโจรสลัด ร่วมไปกับกระบวนการในการฟื้นฟูโครงสร้างการเมืองการปกครอง สร้างสถาบันรัฐ และผลักดันให้โซมาเลียหลุดพ้นจากสถานะของการเป็นรัฐที่ล้มเหลวให้สามารถกลับมารักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมืองให้เกิดขึ้นได้อีกครั้ง

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท