posttoday

Co-Working Space แหล่งสตาร์ทอัพ

03 สิงหาคม 2560

หากกล่าวถึงโมเดลการทำธุรกิจให้เช่าสถานที่อย่าง Co-Working Space เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ผู้ไม่ชอบความจำเจของการทำงานในออฟฟิศ

โดย EIC | Economic Intelligence Center

หากกล่าวถึงโมเดลการทำธุรกิจให้เช่าสถานที่อย่าง Co-Working Space เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ผู้ไม่ชอบความจำเจของการทำงานในออฟฟิศ รวมถึงผู้ประกอบการหน้าใหม่ซึ่งต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายทั้งค่าเช่าและอุปกรณ์เครื่องใช้สำนักงาน Co-Working Space จึงเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับเหล่าสตาร์ทอัพ ฟรีแลนซ์ และนักศึกษาที่ต้องการใช้บริการสถานที่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น สัญญาณไว-ไฟ โปรเจกเตอร์ พรินเตอร์ และห้องประชุม เป็นต้น

ธุรกิจ Co-Working Space เกิด ขึ้นครั้งแรกในปี 2005 ที่เมืองซาน ฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา และขยายความนิยมมาสู่ประเทศในแถบเอเชียโดยมีแนวโน้มได้รับความนิยมสูงอย่างต่อเนื่อง ในปี 2016 พบว่ามีจำนวน ผู้ใช้บริการ 8.35 แสนรายทั่วโลก ขยายตัวเฉลี่ยจากปี 2011 ถึง 81% ต่อปี และคาดว่าจะสูงถึง 1.18 ล้านรายในปี 2017 จากจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งผลให้จำนวน Co-Working Space มีการขยายตัว เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น โดยมีจำนวน 1.13 หมื่นแห่งในปี 2016 เติบโตเฉลี่ยจากปี 2011 ราว 58% ต่อปี และคาดว่าจะมีจำนวน 1.38 หมื่นแห่ง ภายในปี 2017

ในกลุ่มประเทศอาเซียนกระแสธุรกิจ Co-Working Space เติบโตเร็วไม่แพ้ภูมิภาคอื่นๆ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าความท้าทายในการทำธุรกิจที่เป็นผลจากการแข่งขันเพิ่มขึ้นตามโอกาสเช่นกัน เห็นได้จากความหลากหลายของ ผู้เล่นไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นในท้องถิ่น หรือการเข้ามาบุกตลาดของผู้เล่นรายใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลกอย่างเช่น WeWork ก็เลือกที่จะเข้ามาบุกตลาดในประเทศแถบเอเชีย โดยได้เปิดสาขาในเซี่ยงไฮ้ เกาหลีใต้ และฮ่องกงเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่ผู้เล่นท้องถิ่น เช่น สิงคโปร์ที่มี JustCo เป็นผู้เล่นรายใหญ่โดยมีสาขามากถึง 4 แห่งโดยมีจุดเด่นในเรื่องของทำเล และพื้นที่ให้บริการขนาดใหญ่ ส่วนของไทย Hubba ที่ชูจุดขาย Startup Incubator ให้คำปรึกษาและจัดหาแหล่งเงินทุนให้กับกลุ่มสตาร์ทอัพเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จก็มีแผนที่จะขยายสาขาไปต่างประเทศในอนาคตเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่หันมาลงทุนทำธุรกิจนี้ เช่น CapitaLand ของสิงคโปร์ที่ ก้าวเข้าไปร่วมทุนกับ UrWork ในจีนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ ยังมีผู้เล่นที่อยู่ในอุตสาหกรรมอื่นแต่มีความสนใจ ที่จะลงทุนในสตาร์ทอัพจึงสร้างอีโคซิสเต็มอย่าง Co-Working Space เพิ่มเติม เช่น AIS ร่วมมือกับ TCDC เปิดให้บริการ AIS D.C. เป็นต้น ขณะที่ภาครัฐในบางประเทศที่ให้ความสำคัญในสร้าง อีโคซิสเต็มแก่สตาร์ทอัพก็ได้ลงทุนในส่วนนี้ เช่นกัน เช่น โครงการ MaGIC โดยรัฐบาลมาเลเซีย

สำหรับผู้ที่หันมาเริ่มต้นดำเนินธุรกิจ Co-Working Space พบว่าอาจต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในการประสบกับภาวะขาดทุนในช่วงปีแรก โดยจากการสำรวจของ The Global Co-working Survey พบว่ามี Co-Working Space เพียง 40% เท่านั้นที่ สามารถสร้างกำไรจากการดำเนินธุรกิจได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมนี้มีอุปสรรคในการเข้าตลาดต่ำ

อีไอซีขอแนะว่าควรคำนึงถึง 3 กลยุทธ์เพื่อก้าวสู่ความสำเร็จโดย 1.เจาะกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ถูกต้องควบคู่กับการหาพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจ 2.หาทำเลที่มีศักยภาพด้านความสะดวกในการเดินทาง และ 3.สร้างความแตกต่าง เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย พร้อมกันนี้ผู้ประกอบการควรมีการบริหารจัดการอย่างมืออาชีพโดยสามารถใช้บริการแพลตฟอร์มที่ช่วยในการบริหารจัดการ เช่น Nexudus และ Essensys เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ข่าวล่าสุด

ผลบอล โยเคเรสซัดโทษ! อาร์เซน่อล1-0 เอฟเวอร์ตัน,ลิเวอร์พูล 2-1