ออกกำลังกายได้ไม่ต้องขยับตัว ด้วยการใช้ยากระตุ้นร่างกายแทน

อนาคตการออกกำลังกายอาจกลายเป็นสิ่งไม่จำเป็น เมื่อทีมนักวิทยาศาสตร์พัฒนายากระตุ้นการเผาผลาญของร่างกาย

คุณผู้อ่านออกกำลังกายครั้งล่าสุดเมื่อไหร่? ด้วยเงื่อนไขของชีวิตที่แตกต่างกันส่งผลให้บางคนไม่สามารถจัดสรรหาเวลาออกกำลังกายได้ง่ายนัก ทีนี้ลองจินตนาการดูว่าจะดีแค่ไหน หากมียาที่สามารถช่วยให้คุณผู้อ่านได้ประโยชน์ทางร่างกาย และทางอารมณ์ได้

เสมือนจากการออกกำลังกาย โดยที่คุณไม่ต้องลุกขึ้นไปออกกำลังให้เสียเหงื่อแม้แต่หยดเดียว ไอเดียดังกล่าวนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อบรรดาคนขี้เกียจ หรือคนไม่มีเวลาออกกำลังกายเท่านั้น แต่ยังมุ่งช่วยเหลือบรรดาผู้พิการ หรือผู้ป่วย

ด้วยโรคประจำตัวที่เป็นข้อจำกัดสำหรับการออกกำลังกายของพวกเขา ภายในตัวยาดังกล่าวที่กำลังถูกพัฒนาขึ้นนี้มีสารประกอบที่มีชื่อว่า GW1516 หรือเรียกว่า GW ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะสารกระตุ้นสำหรับนักกีฬา

ทีมนักวิจัยจากสถาบัน Salk ในแคลิฟอร์เนียมีเป้าหมายอย่างเต็มที่ในการพัฒนายาของพวกเขาเพื่อช่วยผู้คนที่ต้องทนทุกข์จากโรคหัวใจ, กล้มเนื้ออ่อนแรง หรือพิการ ให้ยังคงสามารถรับประโยชน์จากการออกกำลังได้ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ขยับตัวก็ตาม ด้วยการใช้ยาดังกล่าวไปกระตุ้นระบบการเผาผลาญของร่างกาย

ในการทดลองกับหนูทดลอง ทีมนักวิจัยพบว่าหลังจากที่หนูได้รับตัวยานี้เข้าไปในร่างกาย แทนที่มันจะเผาผลาญน้ำตาลกลูโคส ซึ่งเป็นสิ่งปกติที่เกิดขึ้นในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวันของสัตว์ ร่างกายของหนูทดลองกลับเผาผลาญไขมัน เพื่อให้พลังงานแก่กล้ามเนื้อแทน ซึ่งเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของเรา ในขณะที่คุณกำลังวิ่งมาราธอนอยู่ ไม่ใช่ในการเดินปกติ

นอกจากนั้นพวกเขายังพบว่าหนูเหล่านี้มีพลังมากขึ้นอีกด้วย ด้วยการที่ยาเข้าไปทำหน้าที่ปรับปรุง และซ่อมแซมการทำงานของกล้ามเนื้อ ซึ่งทามทีมนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สิ่งนี้จะเกิดขึ้นในมนุษย์ด้วยเช่นกัน

"เหตุผลหลักของการทดลองคือการมอบสิทธิประโยชน์จากการออกกำลังกายให้แก่ผู้คนที่ไม่สามารุออกกำลังได้" Weiwei Fan หัวหน้านักวิจัยกล่าว ซึ่งขณะนี้การทดลองของพวกเขากำลังเป็นที่สนใจจากบริษัทยา และหากพัฒนาต่อไปยาของพวกเขาอาจสามารถช่วยให้การใช้ชีวิตของบรรดาผู้ป่วยด้วยโรคอ้วน, โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ไปจนถึงโรคกล้ามเนื้อเจริญผิดเพี้ยนได้

ทั้งนี้ข้อมูลจากศูนย์ควบคุม และป้องกันโรค 1 ใน 3 ของผู้ใหญ่อเมริกันป่วยด้วยโรคอ้วน และ 2 ใน 3 ของผู้ใหญ่มีน้ำหนักตัวมากกว่าค่ามาตรฐาน ในขณะเดียวกัน 9.3% ของประชากรในประเทศ หรือคิดเป็น 29 ล้านคน กำลังป่วยด้วยโรคเบาหวาน