posttoday

ภาษีในอินโดนีเซีย

04 พฤษภาคม 2560

ปัจจุบันอินโดนีเซียเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอินโดนีเซียในอัตรา 25% สูงกว่าไทย แต่ถ้าหากเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดก็อาจจะได้ลดอัตราภาษีถึงครึ่งหนึ่ง

โดย...เบญจมาศ กุลกัตติมาส กรรมการบริหารเคพีเอ็มจี ประเทศไทย [email protected]  

เมื่ออาทิตย์ก่อนมีข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ ว่ากระทรวงพร้อมจะผลักดันการส่งออกไปอินโดนีเซีย และสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่ต้องการไปลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย เนื่องจากเล็งเห็นว่าอินโดนีเซียเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียนที่มีศักยภาพสูงทางการค้าการลงทุน และประชาชนมีกำลังซื้อสูง อินโดนีเซียถือเป็นตลาดใหญ่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดของกลุ่มอาเซียน กรุงจาการ์ตาซึ่งเป็นเมืองหลวงนั้นเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่างๆ มีชนชั้นกลางและผู้ที่มีกำลังซื้ออยู่มาก รวมทั้งมีท่าเรือใหญ่ที่สุดเป็นจุดกระจายสินค้า

จากข่าวนั้น กระทรวงพาณิชย์พร้อมที่จะให้บริการข้อมูลในเชิงลึกแก่ผู้ประกอบการไทย ทั้งนี้ศูนย์พัฒนาการค้าและธุรกิจไทยในอาเซียน ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงจาการ์ตา จะเป็นหน่วยสนับสนุนข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับข้อมูลการค้า การจัดตั้งธุรกิจ และข้อมูลทางการตลาด เป็นต้น ในเมื่ออินโดนีเซียอยู่ในความสนใจ วันนี้จึงขอให้ข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับภาษีในอินโดนีเซีย

ปัจจุบันอินโดนีเซียเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลจากนิติบุคคลที่ประกอบกิจการในอินโดนีเซียในอัตรา 25% สูงกว่าไทย แต่ถ้าหากเข้าเงื่อนไขตามที่กำหนดก็อาจจะได้ลดอัตราภาษีถึงครึ่งหนึ่ง เช่น ในกรณีที่มีรายได้ไม่เกิน 4,800 ล้านรูเปียห์ เป็นต้น สาขาของต่างประเทศที่เข้าไปประกอบกิจการและมีรายได้จากอินโดนีเซียก็ต้องเสียภาษีในอัตรานี้เช่นกัน ถ้ากิจการมีผลขาดทุนก็สามารถยกยอดขาดทุนสะสมไปใช้หักรายได้ในปีถัดๆ ไปได้ไม่เกิน 5 รอบบัญชี และมีบางกรณีภายใต้ข้อกำหนดพิเศษสามารถยกไปได้ถึง 10 ปี

อินโดนีเซียใช้ระบบ Self-assess เช่นเดียวกับไทย คือ ผู้เสียภาษีมีหน้าที่ประเมินภาษีตนเองเพื่อยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีเงินได้นิติบุคคลภายใน 4 เดือน นับจากวันสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชี กำหนด การยื่นภาษีสามารถขอขยายได้อีก 2 เดือน มีการใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม มีหลักเกณฑ์รายได้ขั้นต่ำที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม คือไม่เกิน 4.8 หมื่นล้านรูเปียห์ ปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของอินโดนีเซียคือ 10% 

กรณีนิติบุคคลต่างประเทศมีรายได้ที่จ่ายในหรือจากอินโดนีเซีย จะต้องเสียภาษีในอินโดนีเซีย โดยผู้จ่ายในอินโดนีเซียจะหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยอัตราจะอยู่ที่ 20% เช่น จ่ายเงินปันผล ดอกเบี้ย ค่าสิทธิ อินโดนีเซียมีการทำอนุสัญญาเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน (อนุสัญญาภาษีซ้อน) กับหลายประเทศมากกว่า 60 ประเทศ ซึ่งรวมทั้งไทย แต่ในอาเซียนเองอินโดนีเซียยังไม่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับ 3 ประเทศ คือ เมียนมา ลาว และกัมพูชา

นอกจากนี้ เรื่องภาษีที่อยู่ในความสนใจอย่างมากขณะนี้ คือ กฎหมายที่เกี่ยวกับราคาโอน (Transfer Pricing) อันเนื่องมาจากรายการระหว่างบริษัทในกลุ่มที่มีความสัมพันธ์กัน เนื่องจากอินโดนีเซียเป็นสมาชิกในกลุ่ม จี20 มีพันธะร่วมกับกลุ่มประเทศในองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ในเรื่องมาตรการป้องกันการวางแผนภาษีที่จะมีผลให้เกิดการเคลื่อนย้ายกำไรเพื่อเสียภาษีในประเทศที่ภาระภาษีต่ำกว่า หรือที่เรียกว่า BEPS (Base Erosion and Profit Shifting) ซึ่งแผนปฏิบัติการ (เรียกว่า OECD’s Action Plan) ที่ตกลงกันจะทำให้ประเทศใน OECD และ จี20 ต้องมีการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายภายในเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการที่ตกลงกัน 

โดยหนึ่งในมาตรการคือ เรื่อง Transfer Pricing ซึ่งอินโดนีเซียได้ออกกฎหมาย Transfer Pricing เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2559 กำหนดให้มีการจัดทำเอกสารราคาโอน ซึ่งประกอบไปด้วยเอกสาร 3 ประเภท คือ Local File, Master File และ Country By Country Reporting ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับข้อเสนอแนะตาม OECD’s Action Plan หากผู้เสียภาษีที่ถึงเกณฑ์ต้องจัดทำแต่ละประเภทเอกสารไม่จัดทำ และ/หรือไม่นำส่งภายในกำหนดเวลาก็จะมีค่าปรับตามกฎหมาย ในแต่ละประเทศนอกจากตัวบทกฎหมายแล้ว บางครั้งผู้ประกอบการจะต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมอื่นๆ เช่นหลักปฏิบัติในเรื่องการตรวจสอบภาษี ซึ่งอินโดนีเซียถูกจัดให้เป็นประเทศลำดับต้นๆ ในเรื่องของความยากหากกิจการถูกตรวจสอบภาษี

ดังนั้น กิจการอาจต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในประเทศนั้นๆ

หมายเหตุ *ข้อมูลในบทความเป็นข้อมูลเบื้องต้น ควรตรวจสอบกฎหมายภายในประเทศ


 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2