โรงเรียนมัธยมในไนจีเรียเปิดเรียนอีกครั้ง หลังถูกคุกคามโดยกลุ่มโบโกฮาราม

ทางการรัฐ Borno ของไนจีเรียตัดสินใจเปิดโรงเรียนอีกครั้ง หลังปิดไป 2 ปีครึ่ง เพื่อความปลอดภัยจากกลุ่มโบโกฮาราม

ที่เมืองไมดูกูรี เมืองที่ใหญ่ที่สุดทางภาคตะวันออกฉียงเหนือของไนจีเรีย โรงเรียนมัธยมประจำเมืองกลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง หลังปิดไปนานมากกว่า 2 ปี เนื่องจากความหวาดกลัวกลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม ที่อาจเข้าโจมตีทำร้ายนักเรียน

โบโกฮาราม มรความหมายว่า องค์ความรู้และการศึกษาแบบตะวันตกล้วนเป็นสิ่งต้องห้าม กลุ่มก่อการร้ายกลุ่มนี้เริ่มโจมตีโรงเรียนทางตอนเหนือเมื่อปี 7 ปีก่อน และหลายโรงเรียนที่เป็นเป้าหมายของกลุ่มโบโกฮารามล้วนตั้งอยู่ในเมืองไมโดกูรี

เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ปี 2557 กลุ่มโบโกฮารามเพิ่งความโหดร้ายของการโจมตี ด้วยการสังหารนักเรียนจำนวนหลายสิบคน ในมหาวิทยาลัยของรัฐบาล เขต Yobe ของรัฐ Borno ในเดือนกุมภาพันธ์ และต่อมาในเดือนเมษายน กลุ่มโบโกฮารามก็โด่งดังไปทั่วโลกจากการลักพาตัวเด็กนักเรียนหญิงจำนวนกว่า 200 คน จากโรงเรียนกินนอนในเมืองชิบอค

นั่นทำให้รัฐบาลของรัฐ Borno ไม่มีทางเลือก และต้องตัดสินใจปิดโรงเรียนมัธยมทุกแห่ง ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2557 เป็นต้นมา เพื่อความปลอดภัย

ปัจจุบันหลายโรงเรียนในเมืองไมดูกูรี กลับมาเปิดการเรียนการสอนอีกครั้ง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา หลังกลุ่มโบโกฮารามอ่อนแอลง และระบบการดูแลความปลอดภัยแก่นักเรียนได้รับการพัฒนามากขึ้น

Moussa Maiduguri ครูวิทยาศาสตร์จากโรงเรียนมัธยมหญิงแห่งหนึ่งกล่าวว่า เธอรอคอยมาตลอด 2 ปีครึ่งให้โรงเรียนเปิดอีกครั้ง ในฐานะของครูแล้ว เธอต้องการที่จะสอนเด็กนักเรียน นั่นคือความสุขอย่างหนึ่ง แม้ว่าช่วงที่โรงเรียนหยุดไปเธอจะได้รับเงินเดือนตามปกติก็ตาม

ก่อนหน้าที่โรงเรียนจะเปิด หลายโรงเรียนถูกใช้เป็นที่พักของผู้พลัดถิ่น นั่นทำให้ต้องทำการซ่อมแซมบางส่วนของโรงเรียน เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลจะอนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนขึ้นอีกครั้ง ทั้งนี้เธอเล่าว่าต้องเตรียมตัวอย่างมากทีเดียว เช่นในส่วนวิชาเคมีของเธอ อุปกรณ์หลายๆอย่างนั้นหมดอายุไปแล้ว และเธอต้องหามาใหม่เพื่อใช้ในการเรียนการสอน

เมื่อวันเปิดภาคเรียนมาถึง มีนักเรียนมาโรงเรียนเพียง 73 คนเท่านั้น ย้อนกลับไปในปี 2557 โรงเรียนแห่งนี้เคยมีนักเรียนมากถึง 1,983 คน อย่างไรก็ดีในวันต่อๆมา สถานการณ์ก็เริ่มดีขึ้น ล่าสุดในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีเด็กนักเรียนรวมทั้งสิ้น 558 คน

เด็กนักเรียนที่หายไปบ้างก็ย้ายที่อยู่ หรือย้ายโรงเรียนไปแล้ว Maiduguri เล่าว่าเธอค่อนข้างประหลาดใจ เพราะเด็กนักเรียนหญิงหลายคนที่เธอจำได้ ปัจจุบันพวกเธอโตขึ้น และกลายเป็นสาวกันหมดแล้ว เธอมีความสุข แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าไปด้วย ที่เด็กนักเรียนพวกนี้ต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้

สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ Maiduguri กล่าวว่าเด็กนักเรียนบางคนต้องเห็นพ่อแม่ของตนถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา ชีวิตของพวกเขาถูกทำลาย แต่ตอนนี้พวกเขาได้โอกาสกลับเข้ามาสู่ระบบการศึกษาอีกครั้ง สิ่งที่เธอจะสอนแก่เด็กๆคือการลืมอดีตที่ผ่านมา มองไปที่อนาคต และเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความกล้าหาญ

ชีวิตของผู้คนในเมืองไมดูกูรี ยังคงไม่สงบ ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุมือระเบิด 2 คนจุดระเบิดฆ่าตัวตายใกล้กับสถานีเติมน้ำมัน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน และได้รับบาดเจ็บอีก 24 คน