"ฮิลลารี คลินตัน" ทางเดินที่ไม่ง่าย
ก้าวต่อไปของฮิลลารีจึงสำคัญอย่างมากในการคว้าตำแหน่งตัวแทนพรรคให้ได้ 100% และยังต้องหาเสียงเพื่อให้ชนะโดนัลด์ ทรัมป์
โดย...ชญานิศ ส่งเสริมสวัสดิ์
ฮิลลารี คลินตัน ใกล้ได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าไปทุกที และเหลือคะแนนเสียงของคณะผู้แทนอีกแค่ 70 เสียงเท่านั้น ก็จะสามารถคว้าชัยเหนือ เบอร์นี แซนเดอร์ส คู่แข่งจากพรรคเดียวกันได้
วิลเลียม แกสตัน สมาชิกอาวุโสสถาบันบรูกกิ้ง สถาบันคลังสมองที่เชี่ยวชาญด้านการเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐ เปิดเผยว่า ฮิลลารี มีแนวโน้มที่จะคว้าชัยเหนือโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเต็งจากพรรครีพับลิกัน ในการเลือกตั้งครั้งนี้มากที่สุด โดยฮิลลารีมีจุดแข็งในประสบการณ์แวดวงการเมืองและจากการเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ
ฮิลลารีสนใจปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง ยกตัวอย่างการหาเสียงที่ได้ใจประชาชนในเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ฮิลลารียกประเด็นเรื่องการควบคุมอาวุธปืนเพื่อลดปัญหาอาชญากรรม โดยฟิลาเดลเฟียเป็น 1 ในเมืองที่ติดบัญชีเมืองอันตรายที่สุดของสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐ (เอฟบีไอ)
อย่างไรก็ตาม แกสตัน ระบุว่า จุดอ่อนของฮิลลารี คือ การขาดวิสัยทัศน์ในภาพกว้าง ทำให้ประชาชนไม่สามารถมองเห็นทิศทางของประเทศในอนาคต ในขณะที่ประชาชนสหรัฐหลายคนไม่นิยมฮิลลารีและไม่เชื่อถือ
“อีเมลส่วนตัว” จุดด่างพร้อยของฮิลลารี
แม้การเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศจะเสริมประวัติการทำงานของฮิลลารี แต่ในระยะเวลา 4 ปีที่ดำรงตำแหน่ง ฮิลลารีกลับไม่ใช่อีเมลของราชการที่ลงท้ายด้วย state.gov แต่กลับใช้อีเมลส่วนตัว ซึ่งเป็นของครอบครัวที่ลงท้ายว่า clintonemail.com ในการจัดการราชการและกิจของรัฐ
สหรัฐมีระเบียบการในการใช้อีเมลรัฐ ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าฮิลลารีขัดกฎระเบียบและผิดกฎหมาย โดยอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 อธิบายว่า การใช้อีเมลส่วนตัวเป็นไปอย่างถูกต้องตามข้อบังคับของกระทรวงต่างประเทศทุกอย่าง
การใช้อีเมลส่วนตัวส่งผลให้คู่แข่งหยิบยกมาโจมตีอยู่เป็นประจำ โดยดานา แบช หัวหน้าข่าวการเมืองของซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เรื่องอื้อฉาวนี้เป็นตัวช่วยตัวใหญ่สำหรับคู่แข่งฮิลลารี เช่น ทรัมป์โจมตีฮิลลารีว่า “ฮิลลารีขี้โกง” และเหตุการณ์ดังกล่าวก็จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขณะเดียวกัน อีเมลที่เปิดเผยออกมายังแสดงให้เห็นว่า ฮิลลารีในขณะที่ดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้พยายามล็อบบี้ให้ข้อตกลงการค้าเสรีโคลัมเบียบรรลุผล ซึ่งฮิลลารีต่อต้านข้อตกลงดังกล่าวในช่วงหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2008 รวมถึงในครั้งนี้ฮิลลารีต่อต้านการค้าเสรียกภูมิภาคอย่างหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี) ซึ่งฮิลลารีเป็นผู้ช่วยประธานาธิบดีบารัก โอบามา ของสหรัฐ ในการผลักดันขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศดังกล่าว
งานยากคือดึงฐานเสียงแรงงานผิวขาว
ฐานเสียงของฮิลลารีส่วนใหญ่แล้วจะเป็นผู้สูงอายุ ผู้หญิงทั้งชาวผิวขาวและผิวดำ รวมถึงฮิสแปนิก อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ฮิลลารีมักจะพ่ายแพ้ในรัฐประชาชนซึ่งเป็นแรงงานผิวขาว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเหมือง หลังก่อนหน้านี้ ฮิลลารี ระบุว่า จะจัดการให้อุตสาหกรรมเหมืองต้องออกจากภาคธุรกิจไป เพื่อจัดการกับมลพิษและการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
นอกจากนี้ ในรัฐทางตะวันออกของสหรัฐ เป็นรัฐที่ยังไม่ฟื้นตัวจากพิษวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 และความเสี่ยงที่งานที่ทำอยู่จะหายวับไป ก็ยิ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่แรงงานเหล่านั้นมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม คู่แข่งจากอีกพรรคหนึ่งอย่างทรัมป์ ก็ทำให้ใครๆ ต่างมั่นใจว่า ฮิลลารี ซึ่งมีภาพลักษณ์ดีกว่า จะได้เป็นประธานาธิบดีอย่างแน่นอนหากได้เป็นตัวแทนพรรค เนื่องจากผลโพลหลายครั้งก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นฮิลลารีหรือแซนเดอร์สที่เป็นตัวแทนพรรคต ก็จะสามารถชนะทรัมป์ได้อยู่ดี
ทว่า นับตั้งแต่เดือน ม.ค.จนถึงปัจจุบัน คะแนนของทรัมป์เพื่อต่อกรกับฮิลลารีขยับขึ้นมาเรื่อยๆ โดยจากผลสำรวจของสำนักข่าวเอ็นบีซี พบว่า ฮิลลารีนำทรัมป์อยู่เพียง 2% ที่ 47% ต่อ 45% ขยับขึ้นมาอีก 2% จากผลสำรวจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่หากแซนเดอร์สได้เป็นตัวแทนพรรค แซนเดอร์สจะมีคะแนนนำทรัมป์อยู่ที่ 52% ต่อ 40%
ก้าวต่อไปของฮิลลารีจึงสำคัญอย่างมากในการคว้าตำแหน่งตัวแทนพรรคให้ได้ 100% และยังต้องหาเสียงเพื่อให้ชนะโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครฝีปากกล้าที่ครองพื้นที่สื่อทุกวันอีกด้วย
ภาพ...เอเอฟพี


