จีนนับล้านถูกเบี้ยวค่าแรง
แรงงานต่างถิ่นในจีนโดนเบี้ยวค่าแรง คนงานจีนรวมตัวประท้วง-หยุดงานมากสุดเป็นประวัติการณ์
แรงงานต่างถิ่นในจีนโดนเบี้ยวค่าแรง คนงานจีนรวมตัวประท้วง-หยุดงานมากสุดเป็นประวัติการณ์
แรงงานต่างถิ่นในจีนกำลังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวของประเทศ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ระบุว่า แรงงานต่างถิ่นประมาณ 2.7 ล้านคน หรือราว 1% ของจำนวนแรงงานทั้งหมด ไม่ได้รับค่าจ้างในปี 2015 ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในรอบ 5 ปี
ด้านไชน่า เลเบอร์ บุลเลอติน (ซีแอลบี) องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนนอกภาครัฐในฮ่องกง เปิดเผยว่า ในปี 2015 เกิดเหตุชุมนุมและประท้วงหยุดงานในจีนมากกว่า 2,700 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ถึง 2 เท่า
ซีแอลบี รายงานว่า ไม่มีมณฑลใดในจีนที่ไม่เกิดเหตุคนงานชุมนุมหรือประท้วงหยุดงาน โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้งที่เกิดเหตุประท้วงมากที่สุดถึง 418 ครั้ง ในปี 2015
“สาเหตุหลักของการประท้วงมาจากความล้มเหลวของระบบแรงงานซึ่งผู้ว่าจ้างไม่เคารพสิทธิพื้นฐานของลูกจ้าง เช่น การจ่ายค่าแรงตรงเวลา ให้ผลประโยชน์ที่ลูกจ้างต้องได้รับตามกฎหมาย รวมถึงความล้มเหลวของรัฐบาลท้องถิ่นในการบังคับใช้กฎหมาย” ซีแอลบี ระบุ
ณ วันที่ 1 พ.ค. ซึ่งเป็นวันแรงงานสากล จำนวนเหตุประท้วงดังกล่าวพุ่งเกิน 1,000 ครั้งแล้วในปีนี้ และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐวิสาหกิจของจีนได้ประกาศลดการจ้างงานกว่า 1.8 ล้านอัตรา ในอุตสาหกรรมเหล็กและถ่านหินของประเทศ โดยรัฐบาลให้คำมั่นว่าจะจัดสรรเงินกว่า 1 แสนล้านหยวน (ราว 5.3 แสนล้านบาท) ภายในเวลา 2 ปี เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่ถูกเลิกจ้างให้สามารถหางานใหม่ ขณะที่บริษัทเอกชนหลายแห่งเลิกจ้างพนักงานจำนวนมาก ระหว่างที่เศรษฐกิจประเทศชะลอตัวต่ำสุดในรอบหลายปี
บริษัทต่างชาติในจีนประสบปัญหาการหยุดงานประท้วงด้วยเช่นกัน เช่น การประท้วงหยุดงานของคนงานราว 1 หมื่นคน ในโรงงานผลิตชิ้นส่วนของบริษัท แอป เปิ้ล อิงค์ ที่เมืองตงกวน เดือน ก.ย. 2014 ขณะที่การประท้วงเรื่องค่าแรงในบางพื้นที่ยังนำไปสู่เหตุการณ์รุนแรง เช่น กรณีแรงงานต่างถิ่นในมณฑลหนิงเซียจุดไฟเผารถประจำทาง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 17 คน
วันเดียวกัน ทางการจีนเปิดเผยว่า การขยายตัวของดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) เดือน เม.ย. ขยายตัวลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 50.1 จากระดับ 50.2 ในเดือน มี.ค. โดยกิจกรรมการผลิตแทบไม่ขยายตัวที่ระดับ 52.2 เนื่องจากยอดส่งออกและคำสั่งซื้อภายในประเทศขยับขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ภาคบริการชะลอตัวลงเช่นกันแตะ 53.5 จาก 53.8 ในเดือน มี.ค.
โจวเหา นักวิเคราะห์จากธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ ระบุว่า แม้ตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ในระดับที่ทรงตัว แต่ก็เป็นผลมาจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นของทางการจีนเป็นหลัก
ด้านหนี้สินที่เพิ่มขึ้นของบริษัทและรัฐบาลท้องถิ่น ยังตอกย้ำความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวของจีนมากขึ้น โดย 5 ธนาคารใหญ่ของจีนเปิดเผยว่า ยอดหนี้เสียเพิ่มขึ้น 5.32 หมื่นล้านหยวน (ราว 2.8 แสนล้านบาท) ในไตรมาสแรกปีนี้


