posttoday

รำลึก 13 ปีสงครามอิรัก (1)

25 มีนาคม 2559

ปลายเดือน มี.ค. 2003 หรือในเดือนนี้เมื่อ 13 ปีก่อน สหรัฐได้ใช้กำลังเข้าไปโค่นล้มระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก โดยไม่สนใจเสียงท้วงติงจากประชาคมโลกและไม่ได้รับฉันทานุมัติจากองค์การสหประชาชาติ

ปลายเดือน มี.ค. 2003 หรือในเดือนนี้เมื่อ 13 ปีก่อน สหรัฐได้ใช้กำลังเข้าไปโค่นล้มระบอบ ซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรัก โดยไม่สนใจเสียงท้วงติงจากประชาคมโลกและไม่ได้รับฉันทานุมัติจากองค์การสหประชาชาติ

สหรัฐใช้ชื่อปฏิบัติการครั้งนี้ว่า “ปฏิบัติการเสรีภาพแห่งอิรัก” (Operation Iraqi Freedom) หรือเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า “สงครามอ่าวฯ ครั้งที่สอง” (The Second Gulf War) ที่กินเวลาแค่ 20 วัน ก่อนที่กองกำลังพันธมิตรภายใต้การนำของสหรัฐจะสามารถยึดกรุงแบกแดดไว้ได้ จากนั้นประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช จึงประกาศยุติปฏิบัติการทางทหารอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2003

เดิมทีข้ออ้างของสหรัฐในการใช้กำลังเข้าไปรุกรานอิรักคือต้องการปราบปรามการก่อการร้ายตามนโยบายของสหรัฐหลังเหตุการณ์ 9/11 โดยพยายามเชื่อมโยงเครือข่ายอัลกออิดะห์ให้เข้ากับประธานาธิบดี ซัดดัม ฮุสเซน

แต่ต่อมาสหรัฐไม่สามารถหาหลักฐานชัดเจนและน่าเชื่อถือได้ว่าอิรักให้การสนับสนุนกลุ่มอัลกออิดะห์ สหรัฐจึงหันไปอ้างว่าระบอบซัดดัมปกครองประเทศด้วยการกดขี่ประชาชน เป็นเผด็จการ ใช้วิธีการรุนแรงเพื่อกำจัดผู้เอาใจออกห่าง และใช้กรรมวิธีที่โหดร้ายในการกำจัดชนกลุ่มน้อยทางเชื้อชาติและศาสนา ดังนั้นสหรัฐจึงใช้เรื่องเหล่านี้เป็นข้ออ้างในการบุกอิรักเพื่อโค่นอำนาจซัดดัม และเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประชาธิปไตย

นอกจากนั้น สหรัฐยังกล่าวหาอิรักว่ามีอาวุธทำลายล้าง (Weapons of Mass Destruction : WMD) หรืออาวุธเคมีชีวภาพไว้ในครอบครองเป็นจำนวนมาก และมีวัสดุที่สามารถจะผลิตอาวุธนิวเคลียร์ได้ต่อไปในอนาคต บุชจึงอ้างเหตุผลนี้เพื่อ “ปลดอาวุธ” (disarm) อิรัก โดยได้ตัดสินใจเข้าทำสงครามกับอิรักโดยลำพัง ไม่ได้รับความเห็นชอบจากสหประชาชาติก็ตาม   

สงครามอิรักในปี 2003 จนถึงวันนี้เป็นเวลา 13 ปีแล้ว สิ่งที่ปรากฏให้โลกได้เห็น คือ อิรักตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและเลวร้ายลงทุกวัน กลุ่มต่างๆ เกิดความแตกแยก ต่างแสวงหาอำนาจเพื่อรักษาผลประโยชน์ของแต่ละกลุ่มชาติพันธ์ุและนิกายทางศาสนา ขณะเดียวกันสงครามอิรักกลายเป็นจุดกำเนิดของกลุ่ม “รัฐอิสลามแห่งอิรักและซีเรีย” หรือ “ไอเอส” ซึ่งแตกย่อยออกมาจากขบวนการอัลกออิดะห์

ด้วยเหตุนี้ การทำสงครามโค่นล้มระบอบซัดดัม จึงพิสูจน์ออกมาแล้วว่าไม่ได้ทำให้ภูมิภาคตะวันออกกลางเกิดเสถียรภาพมากขึ้นแต่อย่างใด ความจริงสงครามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อประชาคมโลกโดยรวมไม่ทางตรงก็ทางอ้อม แต่พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเร็วที่สุดและรุนแรงที่สุด เห็นจะเป็นประเทศเพื่อนบ้านของอิรักในตะวันออกกลาง

ในบทความตอนต่อไป ผมจะได้นำเรียนผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามอิรักปี 2003 โดยจะสรุปในภาพรวมเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ ต่อไป

ข่าวล่าสุด

ไทยพาณิชย์-FWD คว้า 3 รางวัล Adman Awards 2025 ตอกย้ำเข้าถึงลูกค้าทุก Gen ด้วย "ประกันทรัพย์พอร์ตทุกวัย"