พะงันจัดโซนนิ่งลงทุน ตีกันต่างชาติฮุบกิจการ
ปมปัญหาคาใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวถึงรายได้การท่องเที่ยวไทยในแต่ละปีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้
โดย...พีรดา ปราศรีวงค์
ปมปัญหาคาใจผู้ประกอบการท่องเที่ยวถึงรายได้การท่องเที่ยวไทยในแต่ละปีที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ แท้จริงตัวเลขเหล่านั้นหมุนเวียนต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างแท้จริงจำนวนมากน้อยเท่าใด เพราะจะเห็นได้ว่าสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยว เช่น บริษัททัวร์ โรงแรม ที่พัก ร้านขายของที่ระลึก ถูกรุกคืบจากนักลงทุนต่างชาติอย่างหนัก โดยเฉพาะเกาะที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนใหญ่เจ้าของจะเป็นชาวต่างชาติ
ธัญญะ พูลสวัสดิ์ นายกสมาคมโรงแรมเกาะพะงัน กล่าวว่า สมาคมได้ร่วมมือกับองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และคนในชุมชนเกาะพะงัน จัดโซนนิ่งพื้นที่การลงทุนสินค้าทางการท่องเที่ยว แบ่งเป็น 5 โซน ได้แก่ 1.โซนท่าเทียบเรือขึ้นเกาะ 2.โซนเชิงพาณิชย์ 3.โซนไลฟ์สไตล์ 4.โซนวิถีชีวิต สุขภาพและความสงบ และ 5.โซนท่องเที่ยวเชิงนิเวศและประวัติศาสตร์ เพื่อวางกฎระเบียบด้านการลงทุนในอนาคต
“คาดว่าภายหลังเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปลายปีนี้ พะงันจะเป็นอีกเป้าหมายที่นักลงทุนต่างชาติอย่าง สิงคโปร์ จีน เกาหลี สนใจเข้ามาซื้อกิจการโรงแรม และที่ดินว่างเปล่าจำนวนมาก เพราะความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ รวมถึงความแข็งแรงของภาคการท่องเที่ยวบนเกาะพะงันที่มีชื่อเสียงเรื่องงานเฉลิมฉลองในคืนพระจันทร์เต็มดวง (ฟูลมูน ปาร์ตี้) เป็นที่ยอมรับจากนักท่องเที่ยวทั่วโลกมายาวนานกว่า 30 ปี” ธัญญะ กล่าว
นอกจากนี้ ได้ปลุกจิตสำนึกของคนในท้องถิ่นให้รักและหวงแหนที่ดินบ้านเกิดของตัวเอง ซึ่งจะเห็นได้ว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินบนเกาะพะงันเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยปีละ 20% จากราคาไร่ละ 7 ล้านบาท ขึ้นเป็นไร่ละ 12-14 ล้านบาท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมากลุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนและถอนทุนคืนใน 10 ปี สร้างผลเสียในระยะยาว
ปัจจุบันห้องพักบนเกาะพะงันมีประมาณ 8,000-9,000 ห้อง รองรับนักท่องเที่ยวได้เฉลี่ย 2 หมื่นคน/คืน มีการลงทุนก่อสร้างโรงแรมห้องพักเติบโตเฉลี่ย 20% ต่อปี ซึ่งขณะนี้มีโรงแรมแบรนด์ระดับ 5 ดาว อย่างอนันตราเข้ามาลงทุน จากที่ผ่านมาคนท้องถิ่นเป็นเจ้าของกิจการโรงแรมกว่า 98% อีก 2% เป็นชาวต่างชาติ แต่มีแนวโน้มสูงขึ้นในอีก 5 ปีจากนี้ เกาะพะงันจำเป็นต้องวางแผนการป้องกันรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นอกจากนี้ สมาคมได้ปรับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวบนเกาะพะงันครั้งใหญ่ เพื่อสร้างการรับรู้ใหม่ให้กับนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ที่มองว่าเกาะพะงันเป็นสถานที่สำหรับจัดงานฟูลมูนปาร์ตี้เท่านั้น โดยจัดงานพระจันทร์หลากสี ที่พะงัน ภายใต้แนวคิด สัมผัสวิถีพะงัน เกาะแห่งจันทรา 5 วัน 5 คืน ระหว่างวันที่ 9-13 ธ.ค.นี้ โดยแบ่งพื้นที่การจัดงานตามการจัดโซนนิ่งด้านการลงทุน เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยวมีความรู้ความเข้าใจกับภาพลักษณ์ใหม่ที่จะเกิดขึ้น
รวมทั้งผู้ประกอบการได้ปรับกลยุทธ์การตลาด มุ่งเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยอย่างจริงจังเป็นปีแรก เพื่อกระจายความเสี่ยงลดการพึ่งพิงตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยปรับลดราคาค่าแพ็กเกจห้องพักลงกว่า 50% โดยราคาแพ็กเกจห้องพัก 3 วัน 2 คืน เริ่มต้นที่ 3,000 บาท เทียบจากที่ผ่านมากว่า 1 หมื่นบาท
ธัญญะ กล่าวว่า สาเหตุที่ผ่านมาคนไทยไม่สามารถเข้าถึงการท่องเที่ยวบนเกาะพะงันได้ เนื่องจากราคาที่พักค่อนข้างแพง ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเดินทางมาเกาะพะงันประมาณ 8 แสนคน แบ่งเป็นคนไทยไม่ถึง 5% ต่างชาติ 95% การรุกตลาดอย่างจริงจังคาดว่าจะทำให้ตลาดคนไทยมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 10% รวมถึงการเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวคนไทยเป็น 2,000 บาท/วัน เทียบจากปัจจุบัน 1,500 บาท/วัน ขณะที่ตั้งเป้าชาวต่างชาติใช้จ่าย 4,000 บาท/วัน เทียบจากปัจจุบัน 3,000 บาท/วัน
ด้านแผนการดูแลรักษาความปลอดภัยพื้นที่ได้รวบรวมอาสาสมัครชาวบ้านเกาะพะงัน ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว เพราะจำนวนเจ้าหน้าที่ตำรวจเพียง 30 นาย ไม่เพียงพอต่อการดูแลให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ซึ่งส่วนใหญ่ประสบปัญหาการลักเล็กขโมยน้อย การทะเลาะวิวาท และการหลอกลวงตบทรัพย์นักท่องเที่ยว
การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่ครั้งนี้ ถือเป็นดัชนีวัดความแข็งแกร่งของชุมชน ที่ร่วมใจการสร้างเกราะป้องกันให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวท้องถิ่นเติบโตได้อย่างยั่งยืน และสร้างรายได้หมุนเวียนให้เกิดขึ้นกับชุมชนอย่างแท้จริง


