posttoday

แอฟริกาสู่ยุโรป ไปให้ถึงแม้สิ้นชีวิต

13 กันยายน 2558

คนเหล่านี้มุ่งหน้าสู่ยุโรป เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

โดย...ธนพล ไชยภาษี

ผู้อพยพในยุโรปส่วนใหญ่มาจากกว่า 20 ประเทศในแอฟริกา เช่น ชาวเอริเทรียกำลังหลบหนีออกจากประเทศที่กำลังถูกย่ำยีจากรัฐบาลทหาร ชาวโซมาเลียกำลังหนีตายจากกลุ่มก่อการร้ายอัลชาบับและสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ หรือชาวซีเรียกำลังสิ้นหวังจากสงครามกลางเมือง

คนเหล่านี้มุ่งหน้าสู่ยุโรป เพื่อชีวิตที่ดีกว่า แม้ว่าจะต้องเสี่ยงชีวิตหลายต่อหลายครั้งก็ตาม

เรื่องราวของผู้อพยพจากแอฟริกานั้นไม่ต่างจากผู้อพยพชาวโรฮีนจาที่หลีกหนีความอดอยากและการถูกกดขี่จากทั้งในเมียนมาและบังกลาเทศ จนต้องลอยเรือมาหาที่พึ่งใหม่และกลายเป็นปัญหาของอาเซียน

ผู้อพยพจากแอฟริกาเหล่านี้ต้องเสี่ยงตายเดินทาง และ 80% ของผู้อพยพเหล่านี้มีจุดหมายปลายทางที่ชายฝั่งลิเบีย เพื่อลงเรือข้ามทะเลเมดิเตอร์เรเนียนมายังยุโรป อย่างไรก็ตาม หลายชีวิตต้องจบชีวิตกลางทะเลตามที่เป็นข่าวใหญ่มาตลอดทั้งปี

ผู้อพยพจากแอฟริกาเปิดเผยข้อมูลน่าตกใจว่าผู้อพยพเหล่านี้ส่วนใหญ่ถึง 95% ไปไม่ถึงฝั่ง

สตรีชาวเอริเทรียผู้หนึ่งเปิดเผยกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ว่า ได้จ่ายเงินทั้งสิ้นถึง 5,000 เหรียญสหรัฐ เพื่อเดินทางจากเอริเทรียไปยังชายฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีนายหน้าจัดการให้ทั้งหมด และเมื่อปีที่แล้วผู้อพยพชาวเอริเทรียและซีเรียคิดเป็นถึงครึ่งหนึ่งของผู้อพยพที่เดินทางไปถึงยุโรป

อาเรโซ มาลากูติ นักวิจัยจากศูนย์วิจัยเพื่อผู้อพยพประจำสำนักงานที่ปรึกษาแอลไทซึ่งได้เดินทางไปยังหลายประเทศในแอฟริกา เปิดเผยว่า ปัญหาสำคัญที่ทำให้ผู้อพยพเหล่านี้ยอมเสี่ยงไปยุโรป ก็คือ ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าทั่วแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นสงครามกลางเมือง ความไร้เสถียรภาพ และการสู้รบระหว่างเผ่าพันธุ์

และหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้อพยพต้องเลือกเดินทางข้ามเมดิเตอร์เรเนียน เนื่องมาจากเส้นทางบกเดิม คือ ซาอุดิอาระเบียไปยังอิสราเอล มีความเสี่ยงมากขึ้นในการถูกจับกุมและกักขัง ในขณะที่เส้นทางผ่านเยเมนถูกตัดขาด

ข้อมูลจากองค์กรเพื่อผู้อพยพ(ไอโอเอ็ม) ชี้ว่า เส้นทางที่กำลังได้รับความนิยมในขณะนี้ คือเส้นทางผ่านลิเบีย เนื่องจากปัญหาการต่อสู้ของกลุ่มต่างๆ ในลิเบีย ได้เปิดช่องให้ผู้อพยพผ่านได้ง่ายขึ้น การตรวจคนเข้าเมืองที่ชายแดนถูกยกเลิกไป ไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลด่านตรวจคนเข้าเมืองเหล่านั้น

ทั้งนี้ เมื่อผู้อพยพไม่ว่าจะมาจากแอฟริกาตอนในหรือจากซีเรีย เมื่อมาถึงลิเบียแล้ว การเดินทางของกลุ่มคนเหล่านี้จะแตกออกเป็นกลุ่มไม่ใหญ่นัก และกระจายตัวไปตามเมืองต่างๆ เช่น เมืองซาบาห์และกาตรัน เพื่อรอจังหวะลงเรือต่อไปยังยุโรป

เมื่อปริมาณจำนวนผู้อพยพมีมากขึ้น ประกอบกับสถานการณ์การสู้รบในซีเรียเริ่มรุนแรงหนักก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดธุรกิจของกลุ่มค้ามนุษย์ที่มีการจัดการที่เป็นระบบ และมีเม็ดเงินมหาศาลเพื่อจัดหาการเดินทางให้กับผู้อพยพเหล่านี้

รายงานจากซีเอ็นเอ็น ระบุว่าผู้อพยพจำนวนไม่น้อยที่ยอมจ่ายค่าการเดินทางที่เป็นในลักษณะ “แพ็กเกจ” ซึ่งจะรวมการเดินทางทั้งทางบก และทางทะเลเพื่อไปให้ถึงยุโรปให้ได้

สำหรับผู้อพยพชาวซีเรียจะได้รับการเดินทางที่มีสภาพที่ดีกว่าผู้อพยพจากแอฟริกาตะวันตก โดยชาวซีเรียจะได้รับสิทธิอยู่บนชั้นบนของเรือ ขณะที่ชาวแอฟริกันตะวันตกจะอยู่ในใต้ท้องเรือที่ถูกล็อกเอาไว้ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุเรือล่มจึงไม่แปลกนักที่จะมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

ผู้ที่รับจัดหาการเดินทางให้กับผู้อพยพเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะไม่เดินทางไปกับผู้อพยพด้วยเพราะกลัวการถูกจับกุม แต่ทว่าจะปล่อยให้ผู้อพยพเดินทางไปกันเอง โดยจะให้เข็มทิศกับผู้อพยพไว้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่มีประสบการณ์การเดินเรือมาก่อนก็ตาม เป็นการล่องเรือตามยถากรรมอย่างแท้จริง

ถึงกระนั้น แม้ว่าผู้อพยพบางส่วนที่รอดตายจากการเดินทางและสามารถถึงฝั่งยุโรปได้อย่างปลอดภัย คนเหล่านี้ก็ยังต้องเดินทางอีกไกลเพื่อไปให้ถึงจุดหมายปลายทางซึ่งส่วนมากจะมุ่งหน้าไปยังยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะเยอรมนี

เส้นทางการเดินทางต่อไปไม่ง่ายนัก ส่วนใหญ่ถูกจับกุม บางส่วนก็เสียชีวิตในระหว่างการเดินทาง โดยเมื่อวันที่ 28 ส.ค. มีรายงานอันน่าเศร้าสลดว่า พบรถบรรทุกจอดทิ้งเอาไว้ที่ถนนหลวงสายหนึ่งในออสเตรีย โดยภายในรถพบร่างไร้วิญญาณของผู้อพยพมากถึง 71 คน

“โศกนาฏกรรมครั้งนี้ทำให้เราเห็นถึงความป่าเถื่อนโหดร้ายของกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์ที่กำลังขยายธุรกิจจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มาถึงทางหลวงในแผ่นดินยุโรปแล้ว”เมลิสสา เฟลมมิ่ง โฆษกหญิงของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) กล่าว

ข่าวการเสียชีวิตของผู้อพยพคารถบรรทุกในครั้งนี้ ยิ่งกระตุ้นให้ยุโรปเร่งจัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ฌอง โคลด จุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ได้แถลงต่อรัฐสภายุโรป เสนอแผนให้ชาติสมาชิกยุโรปช่วยกันกระจายรับผู้อพยพมากขึ้นรวมเป็นทั้งสิ้นถึง 1.6 แสนคน ซึ่งในที่ประชุมรัฐมนตรีมหาดไทยของสหภาพยุโรป (อียู) จะตัดสินใจกันอีกครั้งในวันที่ 14 ก.ย.นี้ ว่าแผนดังกล่าวจะผ่านได้หรือไม่

“แน่นอน เรา(ยุโรป) สามารถสร้างกำแพงกั้นพวกเขาได้  เราสามารถสร้างแนวรั้วได้แน่นอน แต่ลองนึกภาพดูสิ ถ้าหากคุณเป็นพวกเขาเหล่านั้น ที่มีลูกๆ อยู่ในอ้อมแขน โลกของพวกเขากำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียอีกแล้ว ไม่มีกำแพงไหนที่พวกเขาจะไม่ยอมปีน” จุงเกอร์ กล่าว

ภาพ...เอเอฟพี

ข่าวล่าสุด

จบศึก AGM การบินไทย! ผู้ถือหุ้นไฟเขียวบอร์ด 15 คน คลังคุมเกมเกือบทั้งกระดาน