พ่อค้าพืชไร่ตากประชุมใหญ่ วางเกณฑ์รับซื้อจากเมียนมา
นอกจากประตูการค้าการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อ.แม่สอด จ.ตาก
โดย...อัศวิน พินิจวงษ์
นอกจากประตูการค้าการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านแล้ว อ.แม่สอด จ.ตาก ยังเป็นตลาดใหญ่ในการรับซื้อพืชผลการเกษตรจากเมียนมา
ทั้งนี้ ในโอกาสที่กำลังจะเข้าสู่การรวม 10 ชาติอาเซียน เป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ชมรมผู้ประกอบการค้าพืชไร่ จ.ตาก ได้จัดประชุมใหญ่ ที่ห้องอาหารคุณน้อย เทศบาลนครแม่สอด อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมี เริงชัย สุวรรณ์ ประธานชมรมผู้ประกอบการพืชไร่ นิยม ไวยรัชพานิช รองประธานหอการค้าไทยและสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 50 ราย
สาระสำคัญคือ เพื่อเป็นการประชุมความพร้อมในการรับซื้อพืชไร่ข้าวโพดที่ผลผลิตจะออกมาในราวเดือนก.ย.ที่จะถึงนี้ เพื่อให้การซื้อขายเป็นไปด้วยความเป็นธรรม ทั้งเกษตรกรและผู้ประกอบการสามารถอยู่ร่วมกันได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย และปัญหาการนำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา
นิยม รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า เนื่องจากปีนี้ประเทศไทยเกิดวิกฤตเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศทำให้มีการขาดแคลนข้าวโพดอย่างแน่นอน จึงได้เสนอที่ประชุมให้สมาชิกชมรมได้ร่วมกันทำหนังสือแจ้งไปยังรัฐบาลให้นำเข้าสินค้าเกษตรโดยเฉพาะถั่วและข้าวโพด จากประเทศเพื่อนบ้านไม่ต้องสั่งซื้อจากประเทศที่ 3
“การที่ซื้อจากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา เงินทองก็หมุนเวียนกลับสู่ประเทศไทย เพราะเมื่อชาวเมียนมาขายข้าวโพดได้ ก็กลับมาซื้อสินค้าจากประเทศไทย และอีกไม่นานก็จะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี อีกทั้งยังส่งเสริมการค้าขายเสรีให้เกิดขึ้น”
ด้าน เริงชัย ประธานผู้ประกอบการค้าพืชไร่ กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่ครั้งนี้เพื่อเป็นการกำหนดแนวทางสำหรับผู้ค้าพืชไร่ ที่จะต้องปรับตัวเองให้เข้าสู่ระบบเออีซีรวมถึงการค้าในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตาก ที่สำคัญเน้นเรื่องการค้าที่จะต้องให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกและพ่อค้าซึ่งเป็นผู้ซื้อได้รับความเป็นธรรมและอยู่รอดได้ด้วยกันทั้งสองฝ่าย และการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้านเมียนมา ผู้ประกอบการต้องการซื้อขายอย่างถูกกฎหมาย โดยทางส่วนภาครัฐเป็นผู้ดูแล
ทั้งนี้ ปี 2557 ที่ผ่านมา ผลผลิตพืชไร่ที่นำเข้าจากเมียนมาผ่านด่านศุลกากรแม่สอด ประกอบด้วย ถั่วลิสงมูลค่า 283 ล้านบาท หอมหัวใหญ่ 157 ล้านบาท พริกแห้ง 108 ล้านบาท ถั่วเขียวผิวมัน 42 ล้านบาท ถั่วเขียวผิวดำ 26 ล้านบาท เมล็ดงา 22 ล้านบาท เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 17 ล้านบาท และเมล็ดข้าวโพด 16 ล้านบาท


