สื่อนอกแฉหมดเปลือก 'นักรบชุดดำ'
โพสต์ทูเดย์
— ผู้สื่อข่าวเอเชียไทมส์ออนไลน์ ฝังตัวรังเสื้อแดง ตีแผ่ความจริงเรื่องนักรบชุดดำเว็บไซต์เอเชียไทมส์ออนไลน์ ได้นำเสนอรายงานของ เคนเนท ทอดด์ รูอิซ และโอลิเวอร์ ซาร์บิล ซึ่งเปิดเผยเรื่องราวของนักรบชุดดำที่แฝงตัวอยู่ในการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างหมดเปลือก
รายงานดังกล่าวนอกจากจะเป็นการยืนยันถึงการมีตัวตนของกลุ่มนักรบชุดดำว่ามีอยู่จริงแล้ว ยังได้นำเสนอข้อมูลรายละเอียดซึ่งยังไม่เคยปรากฏในสื่อใดๆ มาก่อน ทั้งในเรื่องของที่มาของเหล่านักรบชุดดำ การจัดองค์กร การซ่อนตัว เทคนิควิธีในการสู้รบ การเตรียมตัวออกปฏิบัติการ รวมไปถึงการยืนยันถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันระหว่างกลุ่มนักรบชุดดำกับกลุ่มคนเสื้อแดง
ผู้สื่อข่าวทั้งสองคนมีโอกาสได้เข้าไปสังเกตการณ์การทำงานของกลุ่มนักรบชุดดำในช่วง 5 วัน ก่อนวันที่ 19 พ.ค. อันเป็นวันที่กองทัพจะเข้าสลายการยึดครองพื้นที่ของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างเด็ดขาด การเข้าไปสังเกตการณ์ของผู้สื่อข่าวทั้งสองในครั้งนี้มีเงื่อนไขสำคัญว่า ห้ามถ่ายรูป มิฉะนั้นจะถูกฆ่า
รายงานดังกล่าว ระบุว่า กลุ่มนักรบชุดดำไม่ได้ทำหน้าที่เป็นเพียงแค่หน่วยรักษาความปลอดภัยให้กับกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เท่านั้น แต่กลุ่มนักรบชุดดำทำหน้าที่เป็นองค์กรติดอาวุธ ซึ่งทำงานในทางลับและมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างใกล้ชิด
จากภาพลักษณ์ที่กลุ่มคนเสื้อแดงพยายามจะสื่อสารกับภายนอกว่าไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ไม่ใช้กำลังความรุนแรง และต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสันตินั้น ในความเป็นจริงแล้วภายในกลุ่มผู้ชุมนุมยังประกอบไปด้วยกลุ่มของมือปืน นักรบ ระเบิด และเครือข่ายลับใต้ดิน ซึ่งมุ่งหมายจะก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างขนานใหญ่
รายงานบรรยายลักษณะการทำงานของกลุ่มนักรบชุดดำว่า พวกเขาจะพกพาอาวุธสงครามติดไว้ที่ตัวเสมอ โดยจะซ่อนเอาไว้ใต้เสื้อแจ็กเกต และจะเคลื่อนที่ไปมาตามเต็นท์ต่างๆ บริเวณใกล้กับพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 อยู่ตลอด เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้านิ่งของพลซุ่มยิง
ทันทีที่สิ้นแสงจากดวงอาทิตย์ ห่อพลาสติกสีดำห่อใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่านำมาจากที่ใด ก็จะถูกลำเลียงเข้ามาภายในเต็นท์ นักรบชุดดำทั้ง 27 คนหมอบลงในความมืด และใช้หนังสือพิมพ์ห่อปิดวิทยุและบรรดาเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายที่ส่องสว่างได้ทั้งหมด รูอิซและซาร์บิลก็ถูกสั่งให้ปิดโทรศัพท์มือถือด้วยเช่นกัน หนึ่งในนักรบชุดดำ กล่าวว่า พลซุ่มยิงของกองทัพอาจจะฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส
เอเชียไทมส์ ระบุว่า กลุ่มนักรบชุดดำมีการจัดโครงสร้างองค์กรในลักษณะเดียวกันกับของกองทัพ พวกเขาถูกฝึกให้มี ความ เชี่ยวชาญในการใช้ระเบิดและอาวุธสงคราม โดยส่วนหนึ่งจะปฏิบัติหน้าที่ทางทหาร และส่วนที่เหลือจะคอยเป็นฝ่ายสนับสนุน ทำหน้าที่ในการจัดการธุระ จัดหา อาหาร น้ำชากาแฟ ตลอดจนเครื่องดื่มบำรุงกำลังต่างๆ นอกจากนี้ยังประกอบไปด้วยนักจัดรายการวิทยุ และหน่วยแพทย์อีกด้วย
แม้ว่าสื่อกระแสหลักจะคาดการณ์ว่านักรบชุดดำนั้นมีที่มาจากอดีตนักรบคอมมานโดเมื่อครั้งที่สู้รบกับขบวนการคอมมิวนิสต์ แต่ในความเป็นจริงแล้วนักรบชุดดำประกอบไปด้วยคนหนุ่มที่อายุยังน้อย ผู้สื่อข่าวประมาณว่าพวกเขามีอายุเพียงแค่ 20 กว่าๆ เท่านั้น
รายงานบอกด้วยว่า กลุ่มนักรบชุดดำโดยส่วนใหญ่มีบ้านเกิดอยู่ในเขตชนบทห่างไกล เช่นเดียวกับกลุ่มคนเสื้อแดง หลายคนเคยเป็นทหารพลร่มมาก่อน มีหนึ่งคนเป็นอดีตทหารเรือ และหลายคนก็ยังคงเป็นทหารที่ยังคงรับราชการอยู่ในปัจจุบัน
ในระหว่างที่รูอิซและซาร์บิลสังเกตการณ์นั้น การ์ดของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ขอให้กลุ่มนักรบชุดดำให้ความช่วยเหลือ เนื่องจากเจ้าหน้าที่สามารถเข้าควบคุมพื้นที่บริเวณแยกประตูน้ำได้แล้ว และกำลังเข้ากดดันกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างหนัก
ทันทีที่มีการร้องขอให้ช่วย อาวุธสงครามทั้งหลายอย่างปืนเอ็ม 16 และปืนไรเฟิล เออาร์ 15 ก็ถูกปลดเปลื้องออกมาจากหีบห่อ ถุงบรรจุระเบิดขนาดใหญ่ถูกลำเลียงไป นักรบชุดดำใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ในการบรรจุกระสุนและจัดแจงอาวุธต่างๆ ให้พร้อมใช้งาน เมื่อถึงเวลาประมาณ 21.00 น. นักรบชุดดำนับสิบคนก็หายไปในความมืด และการต่อสู้ครั้งใหญ่ก็เกิดขึ้น
เทคนิคที่กลุ่มนักรบชุดดำใช้ในการต่อสู้เป็นวิธีการเดียวกันกับของนักรบกองโจรและพลซุ่มยิง พวกเขาจะระดมยิงชุดใหญ่ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายตำแหน่ง การสู้รบในคืนนั้นกลุ่มนักรบชุดดำคุกคามเจ้าหน้าที่ทหารตลอดทั้งคืน โดยไม่ปล่อยให้มีเวลาหยุดพัก
รายงาน ระบุว่า จุดประสงค์ของกลุ่มนักรบชุดดำนั้น คือ ต้องการที่จะช่วยปกป้องกลุ่มผู้ชุมนุม และคอยรับมือกับการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่ทหาร กลุ่มนักรบชุดดำมองว่าพวกเขาเป็น
“เทวดาชุดดำ” ที่จะช่วยปกป้องดูแลชีวิตของกลุ่มคนเสื้อแดงอย่างไรก็ตาม รายงาน ระบุว่า ภาพลักษณ์ความเป็นวีรบุรุษของกลุ่มนักรบชุดดำเช่นนี้ ก็ได้ทำให้เกิดการเสียชีวิตและความวุ่นวายขึ้นอย่างกว้างขวาง และการสู้รบของเหล่านักรบชุดดำได้ทำให้คำกล่าวอ้างถึงการใช้สันติวิธีของกลุ่ม นปช. หมดความชอบธรรม
รายงาน ระบุทิ้งท้ายว่า ถึงแม้ว่าแกนนำของกลุ่มคนเสื้อแดงจะยอมมอบตัวและยุติการชุมนุมแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าบรรดานักรบชุดดำเหล่านี้จะยังลอยนวลและพร้อมที่จะกลับมาสู้รบอีกครั้ง ดังเช่นที่อดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า แนวทางการต่อสู้ของคนเสื้อแดงอาจจะกลายไปเป็นสงครามแบบกองโจร และเช่นที่รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรรณ ได้แสดงความกังวลถึงความเป็นไปได้ของการเคลื่อนไหวของขบวนการใต้ดิน
ขณะเดียวกัน แดน ริเวอร์ส ผู้สื่อข่าวซีเอ็นเอ็นประจำประเทศไทย ได้รายงานสกู๊ปเรื่อง เกิดอะไรขึ้นจริงๆ ในกรุงเทพฯ? เผยภาพเคลื่อนไหวล่าสุด ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่เห็นตัวของชายต้องสงสัย และชายชุดดำอยู่บนรางลอยฟ้ารถไฟฟ้าบีทีเอส
ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ภาพดังกล่าวถ่ายขึ้นขณะที่ทั้งสองคนไม่รู้ตัว โดยคนหนึ่งเป็นชายในชุดทหาร มีอาวุธปืน เห็นหน้าชัดเจน ส่วนอีกคนหนึ่งไม่เห็นหน้า แต่สวมชุดดำ ซึ่งอาจจะเป็นเบาะแสสาวไปถึงความรุนแรงที่เกิดขึ้นได้ พร้อมกันนั้นแดนยังได้รายงานอ้างนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ระบุว่า กลุ่มคนที่ใช้ความรุนแรงนั้นมีส่วนน้อยเท่านั้น
นอกจากนั้น ซีเอ็นเอ็นยังรายงานถึงกรณี 6 ศพ ในวัดปทุมวนาราม โดยนำภาพทหารบนรางรถไฟฟ้าบีทีเอสถืออาวุธ เล็งลงไปยังด้านล่าง อย่างไรก็ตามในรายงานบอกว่า รัฐบาลไทยได้ปฏิเสธภาพดังกล่าวไปแล้วว่าเกิดขึ้นคนละวัน
รายงานของแดนยังอ้างการสัมภาษณ์ แอนดริว บันคอม ผู้สื่อข่าวชาวอังกฤษ ที่ได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 พ.ค. อ้างว่าเจ้าตัวอยู่ในเหตุการณ์ที่วัดปทุมวนาราม ซึ่งเขายืนยันว่ามีการยิงเข้าไปในวัดจริง


