"ไอเอส"ตัดคอนักข่าวอเมริกันขู่ฆ่าตัวประกันหากสหรัฐไม่หยุดยิง
กลุ่มก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงแห่งรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปล่อยวิดีโอเผยแพร่ภาพการสังหารและตัดศีรษะนักข่าวและช่างภาพชาวอเมริกัน เจมส์ โฟลีย์ที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน
โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์
กลุ่มก่อการร้ายมุสลิมหัวรุนแรงแห่งรัฐอิสลาม (ไอเอส) ปล่อยวิดีโอเผยแพร่ภาพการสังหารและตัดศีรษะนักข่าวและช่างภาพชาวอเมริกัน เจมส์ โฟลีย์ที่ถูกลักพาตัวไปเมื่อ 2 ปีก่อน พร้อมขู่ว่าจะฆ่าชาวอเมริกันอีกรายที่ทางกลุ่มจับกุมตัวไว้ หากประธานาธิบดี บารัก โอบามา ไม่หยุดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก
วิดีโอที่ใช้ชื่อว่า “ข้อความถึงสหรัฐ” เริ่มต้นด้วยคลิปที่ผู้นำสหรัฐประกาศปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในอิรัก แล้วจึงแสดงภาพชายสวมหน้ากากอำพรางใบหน้าในชุดสีดำ พร้อมมีดในมือ ยืนข้างๆ เจมส์ โฟลีย์ ซึ่งสวมชุดสีส้มแบบจัมพ์สูทคุกเข่าอยู่ จากนั้นชายชุดดำก็ใช้มือดึงศีรษะและตัดคอชายในชุดสีส้มดังกล่าว พร้อมเผยภาพศีรษะมนุษย์ที่ถูกตัดขาดจากร่างกายใกล้กับศพที่อยู่ในสภาพคุกเข่า
นอกจากนี้ ในตอนท้ายของคลิปวิดีโอดังกล่าว ยังถ่ายภาพชาวอเมริกันอีกรายหนึ่งในชุดสีส้มเช่นกัน คาดว่าน่าจะเป็น สตีเวน โจเอล ซอตลอฟฟ์ นักข่าวอีกรายหนึ่ง พร้อมคำขู่ว่า ชะตากรรมของซอตลอฟฟ์ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประธานาธิบดีโอบามา โดยต้องการให้ผู้นำพญาอินทรีหยุดปฏิบัติการทางทหารโจมตีกลุ่มไอเอส
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สหรัฐออกมายืนยันแล้วว่า ภาพสุดสยองในวิดีโอเป็นเหตุการณ์จริงที่คนร้ายจากกลุ่มไอเอสฆ่าตัดศีรษะโฟลีย์ นักข่าวที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่รายงานสถานการณ์ต่างๆ แถบตะวันออกกลางให้แก่สำนักข่าวหลายแห่งมากว่า 5 ปี ก่อนที่จะหายตัวไปเมื่อเดือน พ.ย. 2012 ในซีเรีย
ด้านมารดาของนักข่าวอเมริกันรายนี้ ได้โพสต์ข้อความลงในเว็บไซต์รณรงค์ทางออนไลน์ ฟรีเจมส์โฟลีย์ดอทโออาร์จี เมื่อคืนวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า “เราภาคภูมิใจกับลูกชายของเรา ‘จิม’ (โฟลีย์) เขาอุทิศชีวิตของตนเองพยายามที่จะเผยให้โลกรับรู้ความทุกข์ยากของชาวซีเรีย เราวิงวอนผู้ที่ลักพาตัวให้ไว้ชีวิตตัวประกันทั้งหมดที่เหลืออยู่ เพราะพวกเขาก็เหมือนกับจิม เขาเป็นผู้บริสุทธิ์ พวกเขาไม่ได้เป็นผู้ควบคุมนโยบายของรัฐบาลอเมริกันในปฏิบัติการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ในอิรัก ซีเรีย หรือที่ไหนในโลกก็ตาม”
ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า ประธานาธิบดีโอบามาจะออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการเสียชีวิตของ เจมส์โฟลีย์ รวมถึงประเมินความเสี่ยงของการใช้นโยบายเชิงรุกในการทำลายกลุ่มไอเอสที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตชาวอเมริกันคนอื่นๆ ขณะที่สมาคมสื่อแห่งชาติณ กรุงวอชิงตัน ก็ออกแถลงการณ์เช่นกัน โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งจากการจากไปของโฟลีย์ พร้อมยกย่องนักข่าวรายนี้ว่าเป็นช่างภาพผู้กล้าหาญ ยอมเสียสละตนเองเข้าไปยังพื้นที่ไม่ปลอดภัยแก่ชีวิต เพื่อให้โลกรับรู้เรื่องราวสงครามที่เกิดขึ้นในซีเรีย
นอกจากนั้น เกิร์ด มูลเลอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาเยอรมนี ออกมากล่าวหาว่า กาตาร์เป็นกลุ่มเงินทุนหนุนหลังผู้ก่อการร้ายกลุ่มไอเอส สำหรับปฏิบัติการในซีเรียและอิรัก เช่นเดียวกับ ซิกมาร์ กาเบรียล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ที่ออกมากระตุ้นให้เกิดการอภิปรายเรื่องดังกล่าว แต่ไม่ได้กล่าวโทษประเทศใด
พร้อมกันนี้ ฟรังค์วอลเตอร์ ชไตน์เออร์ รัฐมนตรีต่างประเทศเยอรมนี ได้ตัดสินใจส่งความช่วยเหลือทางอาวุธไปยังอิรักเพื่อต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าวแล้ว ส่วนประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ ก็ประกาศว่าพร้อมจะส่งอาวุธเข้าไปช่วยเหลือชาวเคิร์ดในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายเช่นกัน ด้านประธานาธิบดี ฟรองซัวส์ออลลองด์ ของฝรั่งเศส กล่าวว่า จะจัดให้มีการประชุมนานาชาติเกี่ยวกับภัยคุกคามจากกลุ่มอิสลามหัวรุนแรงในอิรักในเดือนหน้า พร้อมระบุว่า สถานการณ์ในปัจจุบันเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2001


