ราคาที่ดินทวายบูม50เท่า

ราคาที่ดินทวายพุ่ง 50 เท่า หลังนายทุนพม่า-นอมินีต่างชาติ แห่ซื้อเก็งกำไร ชาวบ้านหวั่นไร้ที่ทำกิน

นายเย ลิน มินท์ ตัวแทนสมาคม พัฒนาทวาย (ดีดีเอ) เปิดเผยว่า ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาที่ดินทั่วพื้นที่ทวาย ประเทศพม่า ปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ยอย่างต่ำ 50 เท่า เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่มีแผนก่อสร้างโครงการท่าเรือน้ำลึกและเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ทำให้นายทุนในประเทศทั้งจากย่างกุ้งและมัณฑะเลย์ และบริษัทนอมินีของนายทุนจากจีน ไทย และญี่ปุ่น เข้ามากว้านซื้อที่ดินไปจำนวนมาก

“เดิมที่ดินเปล่าขนาด 1 เอเคอร์ มีราคาอยู่ที่ 2-5 แสนจ๊าด แต่เมื่อมีแผนดำเนินโครงการทวาย ราคาที่ดินเปล่าปัจจุบันขั้นต่ำอยู่ที่ราว 10 ล้านจ๊าด และหากเป็นพื้นที่ติดถนนจะมีราคาสูงถึง 30-50 ล้านจ๊าด” นายเย กล่าว

ทั้งนี้ กลุ่มที่เข้าซื้อที่ดิน แบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ 1.กลุ่มนายทุนในประเทศที่ใกล้ชิดกับภาครัฐ จะใช้ความสนิทสนมกับหน่วยงานภาครัฐและเจ้าหน้าที่รัฐขอซื้อที่ดินเก็บไว้เพื่อเก็งกำไรในอนาคต หรือซื้อเพื่อรอค่าชดเชยจากการเวนคืนที่ดินจากการดำเนินโครงการทวาย และ 2.กลุ่มต่างชาติ ซึ่งซื้อที่ดินจากกลุ่มแรกอีกทอดหนึ่ง เพื่อรอลงทุนในกิจการต่างๆ

ก่อนหน้านี้ ทวายเป็นพื้นที่ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก แต่หลังจากมีแผนดำเนินโครงการทวาย ก็ทำให้พื้นที่แถบนี้กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมาก นายเย กล่าวอีกว่า การเข้ามาครอบครองที่ดินของกลุ่มนายทุนเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของชาวบ้านในพื้นที่ เนื่องจากที่ผ่านมาการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดินในพม่าไม่มีระบบที่ชัดเจน คนส่วนใหญ่ที่มีโฉนดหรือเอกสารสิทธิจะเป็นคนในเขตเมืองเท่านั้น ขณะที่คนนอกเขตเมืองจะไม่มีเอกสารสิทธิ ใช้เพียงการรู้กันเองของคนในพื้นที่เท่านั้นว่าที่ดินเป็นของใคร

 “ขั้นตอนการขอเอกสารสิทธิยุ่งยาก ทำให้คนท้องถิ่นจำนวนมากไม่มีเอกสาร และการเข้ามาของนายทุนจะทำให้เขาได้ที่ดินผ่านทางราชการไปเลย ชาวบ้านไม่มีทางรู้เลยว่า ที่ดินที่ตนเคยใช้ถูกยกให้ นายทุนไปมากน้อยเท่าไหร่ จนกว่านายทุนจะมานำที่ดินไปใช้ประโยชน์” นายเย กล่าว

 เบื้องต้น ชาวบ้านมีการประท้วงใหญ่เกี่ยวกับปัญหาที่ดินแล้ว 3 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการตอบรับที่ชัดเจนจากภาครัฐ นอกจากนี้ บางส่วนได้พยายามขอเอกสารสิทธิเพื่อยืนยันที่ดินที่ตัวเองกำลังใช้ประโยชน์อยู่ แต่ปรากฏว่ามีผู้แจ้งขอเอกสารสิทธิไปก่อนหน้าแล้ว

 สำหรับบริษัทไทยที่เข้าไปดำเนินโครงการในทวายแล้ว ส่วนหนึ่งเข้าไปลงทุนโครงการเหมืองแร่ เช่น บริษัท อีสเทิร์นสตาร์ ได้สัมปทานเหมืองแร่ถ่านหินบนที่ดินขนาด 8,500 เอเคอร์ บริษัท เมียนมาร์พงษ์พิพัฒน์ ได้สัมปทานไป 8,000 เอเคอร์ นอกจากนี้ ยังมีบริษัทไทยเสนอสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินอีก 2 โรงบริเวณชายแดน