posttoday

ชวนดูหนังเด็กฟิลิปปินส์ มีอะไรมากกว่าที่คิด

21 กุมภาพันธ์ 2557

หนังเด็กฟิลิปปินส์ ความสนุกที่ไม่เล็ก

หนังเด็กฟิลิปปินส์ ความสนุกที่ไม่เล็ก
อัฏฐวรรณ ลวณางกูร

แม้ภาพยนตร์อุษาคเนย์จะไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายในบ้านเรา แต่หนังหลายเรื่องดูสนุก รวมถึงสะท้อนบางแง่มุมที่ช่วยให้เราทำความรู้จักและเข้าใจเพื่อนบ้านมากขึ้น

วิชาภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และกลุ่มฟิล์มกาวัน ได้จัดเทศกาลภาพยนตร์อุษาคเนย์ครั้งที่ 10 ตอนคนชายขอบในอุษาคเนย์ โดยให้นักศึกษานำหนังเพื่อนบ้านมาฉายและร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น

หนึ่งในนั้น คือ เรื่อง The Blossoming of Maximo Oliveros หนังฟิลิปปินส์ที่กวาดรางวัลระดับโลกหลายรายการ นับตั้งแต่เริ่มฉายในปี 2548

หนังเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวของ “แม็กซี่”เด็กชายชาวฟิลิปปินส์อายุ 12 ปี ที่เป็นเกย์ และอาศัยอยู่ในชุมชนแออัดกับพ่อและพี่ชาย 2 คน ที่หาเลี้ยงชีพด้วยการลักขโมยโทรศัพท์มือถือ แต่เด็กชายกลับตกหลุมรักตำรวจหนุ่มที่มีหน้าที่ปราบปรามอาชญากรรมในชุมชนแออัดที่เขาอาศัยอยู่ เรื่องราวพลิกผันเมื่อตำรวจสืบพบว่าพี่ชายคนโตของแม็กซี่ฆ่าคนเพื่อชิงทรัพย์ ทำให้เด็กชายต้องเลือกระหว่างความรักต่อครอบครัวและรักแบบหนุ่มสาว

น้องๆ นักศึกษากลุ่มนี้ เล่าว่า คนไทยมักคุ้นเคยกับหนังฮอลลีวู้ด ไม่คิดว่าหนังเพื่อนบ้านจะมีอะไรสนุก แต่หนังฟิลิปปินส์เรื่องนี้ทั้งดูสนุกและมีอะไรมากกว่าที่คิดเอาไว้

หนังเรื่องนี้สะท้อนภาพสังคมฟิลิปปินส์ที่เปิดกว้างเรื่องเพศที่สามในระดับหนึ่ง เห็นได้จากหนังที่นำเสนอเรื่องเหล่านี้ในฟิลิปปินส์มีมากพอสมควร รวมถึงฉากในหนังที่ยอมรับการประกวดสาวประเภทสอง แต่แม้สังคมฟิลิปปินส์จะยอมรับเพศที่สาม แต่ที่สุดแล้วคนเหล่านี้ก็ยังไม่ได้มีที่ยืนที่จะได้รับความรักจริงๆ

การถ่ายทำหนังเรื่องนี้ใช้ต้นทุนต่ำ แต่ภาพที่ออกมาดูสมจริงและติดดิน ฉากที่น่าสนใจ คือ ตอนที่แม็กซี่หยิบดอกไม้ออกมาจากกองขยะ สะท้อนว่าเด็กตุ๊ดคนหนึ่งที่เติบโตจากสลัม แต่สามารถเลือกทำสิ่งที่ดีได้ ไม่จำเป็นต้องถูกกลืนไปตามสภาพสังคมที่ไม่ดี

อีกจุดที่น่าสังเกต คือ ตัวเอกในเรื่องเป็นเด็กเกย์ที่รักครอบครัว แตกต่างจากหนังแนวนี้ในไทยที่จะเน้นแต่เรื่องราวความรักและเซ็กซ์ หรือทำให้เป็นตัวตลก ขณะเดียวกัน พี่ชายสองคนของแม็กซี่ก็รักและดูแลน้องดีมาก แม้จะมีอาชีพเป็นขโมย

สำหรับฉากที่แม็กซี่ตกหลุมรักนายตำรวจ และรู้ว่าถูกใช้เป็นเครื่องมือเพื่อจับกุมพี่ชาย หากใช้หลักจิตวิเคราะห์ของซิกมันด์ ฟรอยด์ อธิบายได้ว่า ความรักเกิดจากสันดานดิบของมนุษย์ แต่จะมี “อัตตา” (อีโก้) ที่ควบคุมให้ทำตามบรรทัดฐานของสังคม และเลือกปกป้องครอบครัวมากกว่า

สิทธา เลิศไพบูลย์ศิริ อาจารย์พิเศษโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มธ. อธิบายเพิ่มว่า การที่หนังเรื่องนี้มีแต่ภาพคนและชุมชนแออัดมากมาย เพราะสังคมฟิลิปปินส์เป็นคาทอลิก จึงไม่คุมกำเนิด ซึ่งขณะนี้มีจำนวนประชากรราว 100 ล้านคน

นอกจากนี้ หนังยังสะท้อนว่าคนไม่ไว้ใจรัฐ รัฐหมายถึงตำรวจ เพราะฟิลิปปินส์เป็นรัฐตำรวจ ซึ่งเป็นมาเฟียแบบถูกกฎหมาย ใช้อำนาจสร้างเครือข่ายในชุมชน และยังมีปัญหาคอร์รัปชั่นสูง ขณะที่ความยุติธรรมสำหรับคนทั่วไปหาได้ยาก โทษของการลักขโมย คือ ถูกตำรวจวิสามัญฆาตกรรม

น่าสนใจว่า เพศที่สามในฟิลิปปินส์ไม่ได้รับการยอมรับมากเท่าเมืองไทย เพราะในสังคมคาทอลิก การผิดเพศถือเป็นบาปทางศาสนา แต่ที่ปรากฏในหนังเพราะสื่อฟิลิปปินส์มีเสรีภาพในการแสดงความเห็นค่อนข้างมาก

ที่สำคัญ คือ หนังสะท้อนสังคมฟิลิปปินส์ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่เพื่อคนอื่น ดูจากที่พี่ชายเลือกไม่แก้แค้นตำรวจแทนพ่อที่ถูกฆ่าตาย เพราะคิดถึงน้องที่จะต้องอยู่คนเดียว และแม้สังคมจะเลวร้ายแค่ไหน แต่คนฟิลิปปินส์ยังมีความสุขกับชีวิตได้

ด้าน กำจร หลุยยะพงศ์ อาจารย์ผู้สอนวิชานี้ มองว่า นี่เป็นการนำเสนอเรื่องของเด็กที่เป็นเพศที่สาม ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวประกอบ และเป็นหนังแนวก้าวพ้นวัย (Coming of Age) ที่เด็กจะได้เรียนรู้จากสังคม และทุกประเทศมีหนังแนวนี้ที่สะท้อนการเติบโตของเด็กจากเหตุการณ์บางอย่างในชีวิต

ข่าวล่าสุด

กกต. เห็นชอบร่างแผนเลือกตั้ง – กำหนดวันใช้สิทธิ์ 8 ก.พ. 69