ยึดติด หรือ คิดกบฏ (2) ‘อรุณรุ่งแห่งโชซอน’
ในที่สุด ราชอาณาจักรโครยอ (โคเรียว) ก็ได้ถึงแก่กาลอวสานลงในปี ค.ศ. 1392 (พ.ศ. 1935)
โดย...เพียงออ วิไลย
ในที่สุด ราชอาณาจักรโครยอ (โคเรียว) ก็ได้ถึงแก่กาลอวสานลงในปี ค.ศ. 1392 (พ.ศ. 1935) หลังจากที่ปกครองดินแดนที่งดงามแห่งคาบสมุทรเกาหลีมานานถึง 475 ปี หน้าประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า เวลานั้น โครยอ ถูกราชวงศ์หยวน (จีน) ยึดเป็นเมืองขึ้น และบ้านเมืองตกต่ำลงจากความเน่าเฟะของการบริหารบ้านเมืองโดยเสนาบดีที่กอบโกยเอาแต่ผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ส่วน “กงยางวาง” กษัตริย์องค์สุดท้ายก็เอาแต่ทรงพระสำราญมิได้ใส่พระทัยในบ้านเมืองแต่กลับมอบอำนาจในการตัดสินใจให้เหล่าเสนาบดีนั้น...ด้วยเหตุผลที่สุกงอมหลายประการ “แม่ทัพ อี-ซอง-กเย” ขุนพลแห่งโครยอ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากบัณฑิตขงจื้อกลุ่มผู้มีความต้องการ “ปฏิรูปประเทศ” จึงตัดสินใจกำจัดขุนนางกังฉิน ล้มล้างราชวงศ์โครยอและปราบดาภิเษกขึ้นเป็น “พระเจ้าแทโจ” ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โชซอน
อันที่จริง “แม่ทัพ อี” มีโอกาสหลายครั้งที่จะก่อกบฏ เช่น ในเหตุการณ์ “วี-ฮวาโด แฮกุน” (อ่านฉบับวันที่ 26 ม.ค.) ทว่า ท่านกลับรอมาจนอายุ 57 ปี เนื่องจาก สำนึกว่าตนเองเป็นแม่ทัพของราชวงศ์โครยอ และ การล้มล้างราชวงศ์กับขุนนางกังฉินนั้นต้องอาศัยพละกำลังสนับสนุน แต่เสนาบดีส่วนใหญ่ไม่ให้ความร่วมมือ ด้วยเกรงว่าหากแม่ทัพอีปกครองประเทศแล้ว ชนชั้นขุนนางต้องเดือดร้อนแน่ๆ เนื่องจาก แม่ทัพอี มุ่งบำรุงความสุขของ “แพคซอง” (ประชาชนคนธรรมดา) มากกว่าขุนนาง เช่นที่ แม่ทัพอีเคยบังคับออกกฎปฏิรูปที่ดินใหม่ ยึดที่ดินส่วนเกินคืนจากขุนนางและนำไปแบ่งปันให้ “แพคซอง” (ประชาชนคนธรรมดา) ได้ใช้ทำกินมาแล้ว...
จากคุณูปการของ แม่ทัพอี ผนวกกับแนวคิดปฏิรูปอันทันสมัยของเหล่ากุนซือ โดยเฉพาะบัณฑิตที่ชื่อว่า “จอง โด จอน” แม้การขึ้นเป็นกษัตริย์ของแม่ทัพอี จะถูกขัดขวางจากบรรดาขุนนางและชนชั้นสูง ทว่า กระทำได้สำเร็จและได้รับการโห่ร้องรับด้วยความยินดีจากมวลมหาประชาชน... แนวความคิดปฏิรูปไม่ว่าจะยุคสมัยไหน เป็นสิ่งที่ผู้เสียประโยชน์ทำใจรับได้ยาก ส่วนผู้แสวงหาประโยชน์ก็มักจะสามารถหาช่องทางเจาะเข้าได้เสมอ...ปัจจุบันในบางประเทศ มีการจัดสรรที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรแต่ก็มีปีศาจร้ายแปลงกายมารับประโยชน์ได้ คนกระทำผิดยังกลับให้เป็นถูกได้ นับประสาอะไรกับอาเพศของชาวนาที่ขายข้าวแล้วได้แผ่นกระดาษกลับมาแทนเงินตรา...หากเป็นในยุคแม่ทัพอี จะไม่ให้กบฏได้อย่างไร ??...
ทว่า เริ่มต้นโชซอนใหม่ ในรัชสมัยของพระเจ้าแทโจ ก็ยังมีการแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างพระโอรส ขุนนางก็ยังแย่งชิงอำนาจทางการเมืองเช่นเดิม แต่พระเจ้าแทโจก็มีคติอันเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญ คือ “ให้คนดีส่งเสริมคนดี ให้คนเลวทำลายคนเลว” (CR:SSN TU) ...ซึ่งอาจแปลได้ความว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” หรือ “ให้คบบัณฑิต ให้หลีกเร้นคนพาล” นับเป็นคติธรรมที่ยังสามารถนำมาใช้ได้ดีในปัจจุบันนี้โดยมิต้องไปฆ่าแกงกัน เพราะคนชั่วก็ย่อมแพ้ภัยไปเอง ศาสนาพุทธเจริญรุ่งเรืองในคาบสมุทรเกาหลีจนถึงต้นสมัยโชซอนนี่ล่ะค่ะ หลังจากนั้น ได้ถูก “จอง โด จอน” ซึ่งต่อมาได้เป็นถึงมหาเสนาบดี ได้ล้มเลิกวัด ขับไล่พระสงฆ์ และประกาศให้ราชสำนักและประชาชนนับถือแนวทางของปรัชญาขงจื้อแทน
“จอง โด จอน” ได้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิรูปและวางรากฐานใหม่ให้แก่ ระบบสังคม กฎหมาย และการเมือง ของอาณาจักรโชซอนที่ใช้ต่อมาอีกหลายร้อยปี ...ส่วนจะเป็นการปฏิรูปที่ถูกหรือผิดไม่สามารถตอบได้ เพราะ ไม่ว่าจะเป็นระบบใด ย่อมมีผู้ที่ได้ประโยชน์กับผู้ที่เสียประโยชน์ ส่วนการประสานประโยชน์นั้นจะสำเร็จด้วยดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับ “คุณธรรม” ของทุกฝ่ายที่ต้องการแสวงหาประโยชน์ร่วม ...ทว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุด คือ ราชวงศ์โชซอนก็มิได้อยู่ยั่งยืนนาน “เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป” ตามสภาวะธรรมชาติ... โชซอนล่มสลายหลังจาก พระเจ้าแทโจ สถาปนาอาณาจักรนี้ได้ 505 ปี


