อร่อยร้อยลิ้น (25)

สัปดาห์นี้เรายังอยู่กันที่ฮอกไกโดครับ ก็ต้องถือว่าเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากคนไทยที่ได้ไป กำลังจะไป และอยากจะไปเที่ยวฮอกไกโดกันเยอะมาก เฉพาะเดือน พ.ค. ไล่ไปจนถึง ส.ค. ผมมีลูกค้าถามหารายการฮอกไกโดกันเกือบทุกวัน กระแส KPOP จะยังแรงแซง JPOP อยู่หรือไม่ผมไม่ชัดแจ้ง แต่กระแสฮอกไกโดนั้นมาแรงแซงกระแสท่องเที่ยวแดนโสมไปเรียบร้อยแล้วครับ และที่แรงที่สุดในบรรดาจุดหมายปลายทางบนเกาะฮอกไกโดในฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ เห็นทีจะไม่มีใครเกินเมืองฟุราโนะไปได้ โดยเฉพาะทุ่งดอกลาเวนเดอร์ รับรองว่าปีนี้ใครมีแผนไปชมดอกลาเวนเดอร์ที่ฟาร์มโทมิตะในเดือน ก.ค. หมอพัฒน์ฟันธงเลยครับว่า เจอคนไทยเพียบเลย คอนเฟิร์ม วันนี้ผมเลยอยากจะมาแนะนำร้านอาหารอร่อยๆ ในเมืองฟุราโนะสัก 23 ร้าน เผื่อใครไปเที่ยวเองจะได้แวะไปชิมกันดูครับ

ร้านแรกเป็นร้านชาบุชาบุชื่อ Sennari อยู่ใกล้ๆ กับสถานีรถไฟฟุราโนะ ถ้ามองจากสถานีมาคงหาไม่เจอ ให้มองหาโรงแรม Natulux ก่อนเป็นลำดับแรก ถ้ายืนอยู่หน้าสถานีให้มองไปด้านหน้าเฉียงไปทางขวาเล็กน้อย จะเห็นอาคารสูงอยู่อาคารเดียว นั่นแหละครับโรงแรม Natulux เป็นโรงแรมระดับคุณภาพดีเพียงแห่งเดียวที่อยู่ใจกลางเมืองฟุราโนะ มองดูด้วยตาตอนแรกก็ไม่รู้ว่าโรงแรมนี้ดีอย่างไร แต่รอบนี้ผมได้ไปนอนอยู่ 23 คืน เลยมีโอกาสเดินดูโน่นดูนี่ทั้งในโรงแรมและรอบๆ โรงแรมก็เลยชอบ และอยากแนะนำให้ท่านผู้อ่านไปลองพักดู เพราะโรงแรมนี้เขาเน้นการออกแบบตั้งแต่ประตูทางเข้าเรื่อยไปจนถึงห้องอาหาร ห้องสปา ไปจนถึงห้องพักดูดีมีดีไซน์ไปหมด ใครที่เป็นแฟนดาราเกาหลี จางกึนซอก ยิ่งต้องไปให้ได้ เพราะนายคนนี้เคยมานอนตอนถ่ายภาพยนตร์อยู่ 2 สัปดาห์ โรงแรมยังพาผมไปดูห้องเลย เป็นห้องพิเศษบนชั้น 7 ห้องหมายเลข 777 ใครอยากจะทับรอยจางกึนซอก ต้องห้องนี้เลยครับ อีกอย่างที่ผมประทับใจคืออาหารเช้าที่ทั้งดูดีและมีคุณประโยชน์ครบถ้วน ถึงจะไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์แต่อิ่มได้ไม่แพ้กัน หลังๆ เวลาผมไปพักที่ไหนมักไม่ค่อยเลือกทานห้องที่บริการบุฟเฟ่ต์ อาจเป็นเพราะสมัยหนุ่มๆ ทานไม่เลือกมาเยอะแล้ว พออายุมากขึ้นก็เลยเลือกทาน อาหารเช้าของ Natulux มีให้เลือกทั้งแบบญี่ปุ่นและฝรั่ง ผมลองทั้ง 2 เมนูแล้วชอบแบบฝรั่งมากกว่า โดยเฉพาะขนมปังที่อบมาสดๆ ร้อนๆ อร่อยอย่าบอกใคร ยิ่งได้ทานกับนมฟุราโนะสดๆ ด้วยก็ยิ่งอร่อยมากขึ้นไปอีก ไม่ได้เว่อร์นะครับ มันอร่อยจริงๆ

แต่จุดเด่นที่สุดของโรงแรม Natulux ที่คนไทยอย่างผมและอย่างท่านๆ ต้องชอบกันก็คือ โลเกชั่น โรงแรมนี้กินขาดทุกโรงแรมในเมือง เพราะสะดวกเดินทาง สะดวกเที่ยว และสะดวกทาน ด้านหน้าติดสถานี ส่วนด้านหลังก็เป็นย่านกินดื่มของเมือง ถึงแม้จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนเมืองอาซาฮิคาวะ แต่ก็มีร้านอร่อยๆ ให้เลือกทานหลายร้านอยู่ ร้าน Sennari ก็เป็นหนึ่งในหลายร้านที่อยู่ด้านหลังของโรงแรม Natulux ตั้งต้นจากหน้าสถานี เดินข้ามมายังโรงแรม แล้วเดินเข้าซอยข้างโรงแรมไปจนสุดตึก ร้านจะอยู่หัวมุมด้านหลังโรงแรมพอดี

ปกติเวลาไปทานชาบุชาบุในญี่ปุ่น ร้านส่วนใหญ่จะมีให้เลือกทานทั้งชาบุชาบุหรือสุกิยะกิ แต่ที่ร้าน Sennari นี้เขามีชาบุชาบุเพียงอย่างเดียว แต่มีเนื้อให้เลือก 3 อย่าง คือ เนื้อวัว เนื้อหมู และเนื้อแกะ เป็นชาบุชาบุรสชาติดีที่ถูกที่สุดเท่าที่เคยทานมา เนื้อวัวราคาชุดละ 1,600 เยน ส่วนเนื้อหมูกับเนื้อแกะก็แค่ 1,000 เยนเท่านั้น ในชุดจะประกอบด้วยเนื้อจานนึง ผักและเส้นบุกจานนึง ข้าวปั้นจานนึง ผักดองจานนึง และปิดท้ายด้วยราเมนเส้นสดอีกจานนึงไว้ลวกทานตอนท้าย ผมสั่งเนื้อและหมูมาลองทานดู เอาแบบไม่ได้ค่าโฆษณาเลยนะครับ อร่อยมากๆ และอร่อยเกินราคาเยอะ เนื้อคุณภาพดีเพราะเป็นเนื้อญี่ปุ่น แต่อาจจะไม่ใช่ส่วนที่ดีที่สุด ถ้าเทียบกับบรรดาร้านชาบุชาบุที่ทัวร์ไทยชอบไปทานกันแล้ว บอกได้ไม่กลัวโกรธเลยว่าอร่อยกว่ากันเยอะ จานหมูก็เยี่ยม เนื้อนุ่มติดมันเล็กน้อย อร่อยมากๆ เช่นกัน ปกติเวลาทานชาบุชาบุจะมีน้ำจิ้มสองอย่าง คือ ซอสเปรี้ยว (พนสึ) และน้ำจิ้มงา (โกมะทาเระ) แต่ของร้านนี้แปลกกว่าที่อื่นคือมีแต่ซอสเปรี้ยวเพียงอย่างเดียว และรสชาติของซอสก็ออกไปทางเค็มๆ คล้ายโชยุ มีเครื่องเคียง คือ ต้นหอมซอย กระเทียมบด และหัวไชเท้าแดงฝนละเอียด เพิ่มรสจัดจ้านให้น้ำจิ้ม ดังนั้น โปรดกรุณาอย่าพึ่งน้ำจิ้มสุกี้แบบไทยๆ ให้เสียอรรถรสในการทานเลย

ปิดท้ายด้วยราเมนเส้นสด นำลงไปลวกในน้ำสุดท้าย ที่ได้ความหวานจากน้ำต้มผักและเนื้อ ทำให้น้ำลวกธรรมดาๆ กลายมาเป็นซุปรสกลมกล่อม ไม่ต้องไปเดินหาราเมนทานกันเลย เพราะอร่อยอีกแล้วครับ เส้นก็คุณภาพดีกว่าราเมนหลายร้านที่เคยทานมาเสียอีก ผมไปทานกัน 4 คนหมดไปไม่ถึง 8,000 เยน อิ่มจนพุงจะแตก ราคาพอๆ กับร้านจำพวก all you can eat ทั้งหลาย แต่ความอร่อยผิดกันลิบลับ เป็นอย่างที่ผมเคยบอกไว้อีกแล้วว่า ของดีต้องมีจำกัด ของทานไม่อั้นมันมักจะไม่ใช่ของดีครับ