posttoday

รัฐทุนนิยม โมเดลเศรษฐกิจใหม่ของโลก

06 กุมภาพันธ์ 2555

ถ้าพูดถึงเรื่องของ “ทุนนิยม” หลายท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรกันแน่

ถ้าพูดถึงเรื่องของ “ทุนนิยม” หลายท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรกันแน่

โดย..รวิภาส กล่ำทวี 

และมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของแต่ละประเทศและของโลกอย่างไร และหากทุนนิยมมีการเปลี่ยนแปลงหรือวิวัฒนาการไปจากเดิม อะไรจะเกิดขึ้นกับระบบเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันที่เป็นระบบเศรษฐกิจแบบยึดโยงเกี่ยวพันกันและต้องอาศัยการพึ่งพาซึ่งกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบันประเทศสมาชิกของประชาคมโลกอาศัยอยู่ในยุคของโลกาภิวัตน์

กล่าวง่ายๆ เพื่อให้เป็นที่เข้าใจ “ทุนนิยม” มาจากภาษาอังกฤษ Capitalism หมายถึง การนำเงินไปลงทุนในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งเพื่อวัตถุประสงค์หลักก็คือการได้ผลตอบแทนในรูปของกำไรหรือเงินใหม่ที่พอกพูนขึ้นมานอกเหนือจากต้นทุนที่นำไปลงทุน โดยหลักการของทุนนิยมแล้วก็คือการเพิ่มโอกาสและแสวงหาโอกาสให้แก่ปัจเจกชนที่ต้องการความร่ำรวยและมั่งคั่ง กล่าวง่ายๆ คือ ทุนนิยมต้องการให้ผู้คนร่ำรวยมากขึ้น และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นผ่านการลงทุนโดยใช้เงินนั่นเอง

หลักการหลายประการของระบบทุนนิยมปรากฏอยู่ในหนังสือที่ถือเป็นคัมภีร์ของบรรดานักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ทั่วโลกที่เขียนขึ้นโดย อาดัม สมิทธิ์ (Adam Smith) ชื่อหนังสือคือ Wealth of the Nation ตั้งแต่เมื่อประมาณ ค.ศ. 1776 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการทำสงครามเพื่อความเป็นเอกราชของนักแสวงหาอาณานิคมในสหรัฐ ที่ต้องการปลดแอกตนเองจากรัฐบาลอังกฤษ

อาดัม สมิทธิ์ เน้นหลักการเศรษฐกิจแบบ “ตลาดเสรี” หรือ Free Market Economy โดยไม่ต้องการให้รัฐบาลเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับภาคเอกชน และการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดควรปล่อยให้เป็นเรื่องของกลไกทางตลาด (ปล่อยให้เป็นไปตามอุปสงค์และอุปทาน หรือดีมานด์ซัพพลายของตลาด) ซึ่งหลักการดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้ทั่วโลกอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเทศประชาธิปไตยที่พัฒนาแล้วอย่าง สหรัฐ

ถึงแม้ว่าระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมจะนำมาซึ่งความร่ำรวยของผู้คนได้อย่าง มหาศาลตามประวัติศาสตร์ แต่โดยระบบของมันแล้วก็มีข้อจำกัด เช่น การกระจายรายได้ให้เท่าเทียมกันค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เศรษฐกิจในระบบทุนนิยมจึงเป็นระบบที่มีทั้งผู้ได้และผู้เสีย เกิดโอกาสแห่งความไม่เท่าเทียมกันในความร่ำรวยทางเศรษฐกิจ และนี่ก็เป็นสาเหตุหลักที่บรรดาประเทศกำลังพัฒนาหรือประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ต่างดิ้นรนและเสาะแสวงหาระบบเศรษฐกิจที่เหมาะสมและนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศของตน

ตั้งแต่ช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจ ค.ศ. 1997 เป็นต้นมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันเป็นเวลาประมาณ 15 ปี ประเทศกำลังพัฒนากำลังจะกลายเป็นตัวแสดงหลักในด้านเศรษฐกิจของโลก อย่างกลุ่มประเทศที่เรียกว่า “บริกส์” ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน หรือบางตำราเหมารวมเอาแอฟริกาใต้และอินโดนีเซียเข้าไปด้วย ได้หันมาใช้ระบบเศรษฐกิจทุนนิยมแบบไฮบริดที่เรียกว่า “ระบบรัฐทุนนิยม” (State Capitalism)

ระบบรัฐทุนนิยม หมายถึง การที่บริษัทขนาดใหญ่ของประเทศออกไปแสวงหาความร่ำรวยผ่านการลงทุนทั่วโลก โดยรัฐบาลของบริษัทที่ออกไปลงทุนเป็นผู้ให้การสนับสนุนหลายๆ อย่างอยู่เบี้องหลัง หรือจะกล่าวง่ายๆ ก็คือ บริษัทลงทุนภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่มีรัฐเป็นผู้ให้การสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง หรือที่เรียกว่า “StateSupported Corporations” ช่วงระหว่าง ค.ศ. 20032010 ปรากฏว่าบริษัทรัฐทุนนิยมเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก คิดเป็น 1 ใน 3 ของการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) ทั้งหมดของประเทศเกิดใหม่ทางเศรษฐกิจทั้งหลาย จากสถิติพบว่า 80% ของมูลค่าทางการตลาดของตลาดหลักทรัพย์ในจีนมาจากการซื้อขายของบริษัทเอกชนที่มีรัฐหนุนหลังทั้งสิ้น

ประเทศที่ถือว่าเป็นต้นแบบการใช้ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐทุนนิยม ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยจีนนำเอาระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมดั้งเดิมมาดัดแปลงให้เข้ากับบริบทแวดล้อมทางเศรษฐกิจในประเทศตนเอง และถือได้ว่า “อยู่ในขั้นประสบความสำเร็จ” บริษัทด้านการลงทุนของจีนขนาดใหญ่ที่ถือเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนและจัดอยู่ในระบบรัฐทุนนิยมเกิดขึ้นมากมาย เช่น บริษัท China Mobile หรือ CCTV ได้กลายเป็นบริษัทลงทุนในต่างประเทศที่สร้างเม็ดเงินและชื่อเสียงเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากจีนแล้ว ยังมีอีกหลายบริษัทในรัสเซีย เช่น VTB ที่ประกอบธุรกิจด้านการธนาคาร บริษัท ปิโตรนาส “Petronas” ประกอบกิจการด้านน้ำมันในมาเลเซีย บริษัทที่เกิดจากการรวมตัวกันของ Vale และ Petronas ของบราซิล และอีกหลายบริษัทในสิงคโปร์ โดยเฉพาะในยุคของผู้นำ ลีกวนยิว

ประเด็นปัญหาก็คือ ระบบเศรษฐกิจแบบรัฐทุนนิยมจะประสบความสำเร็จไปได้อีกนานแค่ไหน และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศเกิดใหม่ทางเศรษฐกิจเองหรือส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าโลกยุคปัจจุบันอย่างไรเป็นเรื่องที่น่าศึกษาค้นคว้าวิจัยเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากถ้ามองตามประวัติศาสตร์เศรษฐกิจของโลกที่ผ่านมาตั้งแต่อดีต เราจะเห็นว่ายังไม่มีระบบเศรษฐกิจใดที่มีความสมบูรณ์ไม่มีข้อจำกัด

ปัญหาที่มองเห็นอยู่แล้วจากระบบรัฐทุนนิยมได้แก่ 1) การที่บางบริษัทได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นกรณีพิเศษ ทำให้การแข่งขันกันทางด้านเศรษฐกิจไม่เป็นธรรม โดยเฉพาะต่อบริษัทเอกชนที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ 2) บริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเป็นกรณีพิเศษมักจะเป็นบริษัทที่มีขีดความสามารถในการใช้ทรัพยากรได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเหมือนอย่างบริษัทเอกชนธรรมดา และมีโอกาสที่จะถือความเป็นอภิสิทธิ์จนขาดการพัฒนาตัวเอง 3) ระบบการค้าเสรีในโลกปัจจุบันจะได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแน่นอนและการฟ้องร้องกันทางการค้าจะเกิดขึ้นมากมายทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก และ 4) นักลงทุนระหว่างประเทศจากบริษัทเอกชนที่ไม่มีรัฐหนุนหลังจะต้องเจอกับบริษัทคู่แข่งที่มีรัฐหนุนหลัง โดยเฉพาะกรณีถ้าเข้าไปลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่  

 

ข่าวล่าสุด

ตลาดหุ้นสหรัฐปิดผสม หุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์–พลังงานกดดัน S&P 500