‘ทาสที่รัก’Episode 2
“เป็นเพราะเจ้าอยู่ในหัวใจข้า เป็นเพราะข้าจำเป็นต้องมีเจ้าอยู่เคียงข้าง จากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่
“เป็นเพราะเจ้าอยู่ในหัวใจข้า เป็นเพราะข้าจำเป็นต้องมีเจ้าอยู่เคียงข้าง จากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่
โดย ...เพียงออ วิไลย
“เป็นเพราะเจ้าอยู่ในหัวใจข้า เป็นเพราะข้าจำเป็นต้องมีเจ้าอยู่เคียงข้าง จากนี้ไปข้าจะดูแลเจ้าจนกว่าชีวิตจะหาไม่ เจ้าจะเข้าพิธีวิวาห์กับข้าได้หรือไม่”...โอย กรี๊ดดด...นี่เป็นคำพูดของชายหนุ่มรูปงามท่านขุนพล “ซงแทฮา” ในขณะที่ขอนางเอก “ออนยอนนี่” แต่งงาน... ความรักอันมากล้นจากใจได้ทุบกำแพงชนชั้นจนพังทลายลงในบัดเดี๋ยวนั้น โอ้ ทาสทางกายหรือจะสู้ทาสทางใจ ละครเกาหลี “แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า” หรือ “ชูโน ร฿ณ๋” มาในทำนองนั้นค่ะ...ความโหยหาอิสรภาพของความเป็นมนุษย์สถิตอยู่ในหัวใจของทุกหมู่ชน...
จากการได้เสวนากับเพื่อนร่วมงานชาวเกาหลี เขาว่าละครค่อนข้างจะดรามาไปหน่อย จริงบ้างเท็จบ้างก็เป็นธรรมดาของละครที่ต้องแต่งเติมเสริมเข้าไปให้สนุก เขาว่าการสักคำว่า โนบิ (ณ๋บ๑ทาส) ลงบนร่างกายนั้น ไม่ได้สักทาสทุกคนเหมือนในละคร แต่จะสักเฉพาะคนที่เคยหนีมาแล้วเท่านั้น ละครจึงถูกต้องแค่ราว 60 เปอร์เซ็นต์ค่ะ ย้อนกลับมาดูความจริงกันบ้าง เรื่องของ “ทาส” กับ “ชูโนคุน ร฿ณ๋ฑบ” หรือนักล่าทาส ในสมัยโชซอนมีอยู่จริงตามประวัติศาสตร์ และด้วยเหตุที่เกาหลีเป็นชนชาติที่ชอบบันทึกเหลือเกิน พวกกระดาษ พู่กัน หมึก นี่ ใช้กันมาแต่โบราณ จึงพบบันทึกโบราณมากมายหลายฉบับได้กล่าวถึงทาสว่า เป็นสมบัติประเภทหนึ่งของครอบครัวนอกเหนือจากที่ดิน และระบุว่าทาสมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง เช่น ดูแลหลุมฝังศพบรรพบุรุษ ทำงานบ้าน ทำงานในไร่นา ... หลายร้อยปีก่อนข้าทาสทรัพย์สมบัติเหล่านี้จะถูกแบ่งให้ลูกชายหญิงทุกๆ คน หากแต่ได้เปลี่ยนไปในศตวรรษที่ 17 หลังจากที่ราชวงศ์โชซอนนำเอาลัทธิขงจื๊อเข้ามานำทาง กลายเป็นสังคมที่มอบมรดกให้แก่ลูกชายคนโตเท่านั้น ลูกคนอื่นๆ อดได้สมบัติของครอบครัว ซึ่งลูกหญิงส่วนใหญ่ก็จะไม่ได้อะไรเลย เพราะหลังจากแต่งงานไปแล้วก็ถือว่าเป็นคนของครอบครัวอื่น...
เอกสารชิ้นที่สำคัญที่ได้รับการอ้างอิงในบทความทางวิชาการ คือ เอกสารโบราณประจำตระกูล “อี” (หรือ ลี) ที่บันทึกเหตุการณ์ 350 ปีก่อน (ค.ศ. 1662) ไว้ว่า เวลานั้นเป็นปีที่ 33 ของจักรพรรดิคังซี มีฮูหยิน ตระกูลอี ชื่อว่า “ฮูหยินผ้ก” ได้จัดการแต่งงานให้ลูกชาย และเนื่องจากท่านไม่มีลูกสาวจึงดีใจหนักหนาที่จะได้ลูกสะใภ้เข้าบ้าน จึงกล่าวต้อนรับลูกสะใภ้ว่า (หูย...พ่อบ้านประจำตระกูลนี้สุดยอดเลย บันทึกได้ละเอียดมาก) “ข้าดีใจยิ่งนักที่ได้เจ้ามาเป็นลูกสะใภ้ ทุกครั้งที่ได้เห็นหน้าเจ้า ข้าจะมีความสุขเพราะว่าบัดนี้ข้าได้มีลูกสาวสมใจอยากแล้ว ดังนั้น ข้าจึงได้จัดเตรียมของขวัญวันแต่งงานไว้ให้เจ้า เป็นทาส 5 คน ที่จะคอยรับใช้ดูแลให้เจ้าอยู่อย่างสะดวกสบายในบ้านหลังนี้” แล้วก็มีใบรายการของทาสแนบมา ประกอบไปด้วย ทาสหญิง อายุ 37 หนึ่งคนพร้อมลูกทาสของเธออีก 2 คน เป็นเด็กผู้หญิงอายุ 11 ขวบ หนึ่ง และเด็กผู้ชาย 4 ขวบอีกหนึ่ง อีก 2 คนเป็นผู้ชายพี่น้องกันอายุ 19 กับ 9 ขวบ ซื้อมาจากครอบครัวอื่น (อ่า...เขียนมาถึงตรงนี้ ก้อนสะเทือนใจวิ่งมาจุกคอหอยเลยค่ะ ฮือๆ พักก่อน)
ในการควบคุมดูแลทาส แต่ละบ้านจะมีทะเบียนบ้านระบุจำนวนข้าทาสไว้ และมีทาสหนีไปกี่คน เหตุผลที่ต้องระบุก็คือ เมื่อ “ชูโนคุน ร฿ณ๋ฑบ” หรือนักล่าทาส จับทาสกลับมาได้ จะได้เอาเอกสารนี้ไปเคลมทาสคืนมา อย่างไรก็ตาม การทำทะเบียนทาสไว้ก็มีข้อดีเช่นกัน เพราะโดยหลักการแล้วเจ้าของทาสจะต้องดูแลทาสในบ้านให้มีสุขภาพดีอย่างน้อยเพื่อให้ทำงานได้ ต้องไม่อดอยาก หรือทรมานจนตาย บ้านที่ระบุทาสตายไว้ เยอะก็จะมีปัญหาถูกตรวจสอบจากทางการและอาจถูกสั่งยกเลิกการครอบครองทาสก็ได้ ระบบทาสของเกาหลีจึงมีแง่มุมที่ซับซ้อนแปลกๆ จะว่าเป็นสังคมที่กดขี่ข่มเหงมนุษย์เสียทีเดียวก็คงไม่ได้ เช่น หากทาสได้รับบาดเจ็บจนทำงานไม่ได้ เจ้าของทาสจะต้องรักษา หากถึงพิการก็ต้องเลี้ยงดูไปตลอดชีวิต ช่างคิดลึกหลายแง่มุม เช่น บางบ้านเขียนบันทึกว่ามีทาสหนีไปกี่คน แถมยังเขียนบันทึกต่อว่า หนีไปอยู่เมืองโน้น เมืองนี้ หมายความว่า เจ้าของทาสก็รู้อยู่ว่าทาสหนีไปอยู่ที่ไหน แต่ไม่คิดจะไปตามกลับมา ด้วยสาเหตุต่างๆ ที่คนนอกครอบครัวไม่อาจจะรู้ได้ว่าทำไม...
อนึ่ง ขอประชาสัมพันธ์การแบ่งปันความรักให้แก่เพื่อนร่วมชาติค่ะ ... ในช่วงที่เกิดมหาอุทกภัยปลายปีที่แล้ว มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง ได้เปิดศูนย์พักพิงให้แก่ผู้ประสบภัยสมกับที่สอนนักศึกษาทุกคนให้รักประชาชน... แม้ว่าสุดท้ายศูนย์นี้ต้องปิดตัวไปเนื่องจากน้ำได้ถาโถมเข้ามาจนมหาวิทยาลัยจมเสียหายถึง 3,500 ล้านบาท แต่ความทรงจำในความรักที่คนไทยมีต่อกันไม่เคยจางหายไปจากใจของชาวธรรมศาสตร์ทุกคน ดังนั้นจึงทำให้เกิดคอนเสิร์ตการกุศล “เพราะธรรมศาสตร์... สอนให้ฉันรักประชาชน” เพื่อหาทุนช่วยเหลือชุมชนโดยรอบที่ยังต้องฟื้นฟูอีกมาก ... งานนี้เป็นการรวมตัวกันของสามชุมนุมดนตรีใหญ่ของมหาวิทยาลัย คือ Thammasat University Symphony Orchestra (TUSO), ชุมนุม TU Folksong และชุมนุมดนตรีสากล หรือ TU Band วงดนตรีเก่าแก่กว่า 64 ปี มาขับขานบทเพลงแห่งความรัก ความหวัง และกำลังใจ ... ศิษย์เก่าที่ยังคงคิดถึง TU Band อยู่อย่าพลาดงานนี้นะคะ วันที่ 11 ก.พ. 2555 เวลา 17.30 น. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซื้อบัตรได้ที่ “ไทยทิคเก็ตเมเจอร์” ราคา 500/250/200 บาท (นักศึกษา 100 บาท)
หมายเหตุ หนังสือ “เกาหลีทีเด็ด” ฉบับรวมเล่ม 1 และ “เตรียมตัวไปเป็นเฟรชชี่ที่เกาหลี” จำหน่ายแล้วที่ร้านนายอินทร์ และซีเอ็ด ทุกสาขา...


