posttoday

กินดี อยู่ดี ที่ซัปโปโร 4

21 กุมภาพันธ์ 2553

ย่านซูซุกิโนะ (Susukino) เป็นย่านกินดื่มที่ใหญ่ที่สุดของเมืองซัปโปโรและของเกาะฮอกไกโด และยังเป็นศูนย์รวมความบันเทิงยามค่ำคืนอีกตำแหน่งหนึ่งด้วย แถบนี้จึงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยร้านอาหาร ร้านเหล้า บาร์ ไนต์คลับ ร้านคาราโอเกะ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ร้านราเมน

ราเมนของซัปโปโรนั้นมีความโดดเด่นไม่แพ้โตเกียวราเมนหรือราเมนน้ำซุปซีอิ๊ว (Shoyu Ramen) และฮากาตะราเมนหรือราเมนน้ำซุปกระดูกหมู (Tonkotsu Ramen) ซัปโปโรราเมนได้ถูกพัฒนามาในแนวทางของตนจนได้ความชัดเจนเป็นราเมนน้ำซุปมิโสะ (Miso Ramen) ที่ไม่เหมือนใคร และปัจจุบันก้าวขึ้นเป็น 1 ใน 3 ราเมนรสชาติมาตรฐานของญี่ปุ่นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่เดิมราเมนของญี่ปุ่นนั้นมีแต่โชยุราเมน ที่ใช้น้ำซุปปรุงรสชาติด้วยซีอิ๊วเป็นหลัก จนเมื่อราเมนเดินทางมาถึงฮอกไกโดจึงได้ถูกดัดแปลง (ผมได้ลองค้นหาข้อมูลและถามคนท้องถิ่นหลายท่าน ได้รับข้อมูลหลายด้านจนไม่แน่ใจว่าข้อมูลใดใช่หรือไม่ใช่ จึงขอติดค้างเรื่องที่มาของซัปโปโรราเมนกับท่านผู้อ่านไว้ก่อน และเมื่อผมได้ข้อมูลที่แท้จริงอย่างแน่ชัดแล้ว จะนำมาเขียนให้ท่านผู้อ่านได้รับทราบกันอีกครั้ง) จุดเด่นที่สุดของซัปโปโรราเมนอย่างแรกก็คือ น้ำซุปที่ต้องเป็นรสชาติมิโสะเท่านั้น และอย่างที่สองคือ ต้องมีผักที่นำไปผัดแล้วมาราดบนราเมนอีกที และผักที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับซัปโปโรราเมนก็คือถั่วงอก ทั้งสองอย่างคือมาตรฐานขั้นต้นของซัปโปโรราเมน แต่หลังๆ ก็มีการปรับปรุงดัดแปลงกันต่อๆ ไป จนธรรมเนียมการผัดผักมาราดบนราเมนนั้นหายไปบ้างในบางร้าน คงเหลือแต่น้ำซุปมิโสะที่อยู่ยงคงกระพันจนกลายเป็นคุณลักษณ์เด่นของซัปโปโรราเมนแต่เพียงประการเดียว

ที่ซัปโปโรคุณสามารถหาราเมนรับประทานได้แทบจะทั่วทุกหนแห่ง ประมาณการว่ามีร้านราเมนในซัปโปโรมากถึงกว่าหนึ่งพันร้าน โดยเฉพาะที่ย่านซูซูกิโนะนั้นมีร้านราเมนร่วมร้อย ที่โด่งดังมากๆ ก็เห็นจะเป็นซอยราเมนหรือราเมนโยโกะโจ (Ramen Yokocho) ที่รวบรวมร้านราเมนอัดแน่นในซอยแคบไว้เกือบ 20 ร้าน จนต้องขยับขยายเพิ่มออกไปเป็น Shin Ramen Yokocho หรือซอยราเมนแห่งใหม่ที่อยู่ไม่ไกลกัน นอกจากนี้ที่ย่านช็อปปิ้ง Tanuki Koji ใกล้ๆ กับย่านซูซูกิโนะยังมีถนน Tanuki Menkoi ที่มีร้านราเมนไปเปิดกันอย่างคึกคัก เรียกว่าถ้ามาซัปโปโรแล้วไม่ได้รับประทานมิโสะราเมนเหมือนจะขาดตกบกพร่องอะไรไป ทำให้การมาเที่ยวซัปโปโรมันไม่อิ่มอะไรประมาณนั้น

สำหรับตัวผมแล้วรู้สึกว่าบรรดาร้านราเมนในซอยราเมน (Ramen Yokocho) นั้นรสชาติไม่ค่อยจะถูกปากเท่าไหร่ครับ แรกๆ ก็ตื่นเต้นเห็นคนไปกันเยอะ หลังจากลองชิมดูหลายร้านแล้วก็ขอลงความเห็นส่วนตัว ขอย้ำว่าส่วนตัวจริงๆ ว่า มันไม่ค่อยจะได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่นัก ตรงกับทฤษฎีส่วนตัวของผม (อีกแล้วครับ) ว่า ของดีจริงไม่จำเป็นต้องมาอยู่รวมกันเพราะฉะนั้นผมจึงมักจะไม่ค่อยตื่นเต้นกับบรรดาพิพิธภัณฑ์ราเมน ซอยราเมน หมู่บ้านราเมน ราเมนสเตเดียม รวมไปถึงเกี๊ยวซ่าสเตเดียม สวีตฟอเรสต์ และศูนย์รวมของกินอื่นๆ อีกมากมาย เปรียบเหมือนกับการเข้าไปหาข้าวรับประทานในศูนย์อาหารบ้านเรา มันหลากหลายก็จริง แต่อร่อยจริงแทบจะหากันไม่เจอเลยครับ

หลังจากลองรับประทานซัปโปโรราเมนมาหลายร้าน ก็เจอกับสุดยอดซัปโปโรราเมนขนานแท้ร้านหนึ่งที่อยากจะแนะนำให้ทุกท่านได้ลองไปชิมกัน ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ถึงเล็กมาก มีที่นั่งอยู่แค่ 78 ที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์เท่านั้นเอง แต่คิวนอกร้านนั้นประมาณ 20 คนขึ้นไปเห็นจะได้ ร้านนี้ชื่อเคะยากิ (Keyaki) ที่ยังขายซัปโปโรราเมนแบบดั้งเดิมคือ มีการทำน้ำซุปด้วยการผัดผักจนควันโขมงแล้วปรุงรสด้วยน้ำซุปมิโสะและหมูสับ ทำกันทีละชามสองชาม ไม่ได้ใช้น้ำซุปสำเร็จ แต่ยังรักษารสชาติของซัปโปโรราเมนได้อย่างมั่นคง ที่ยังมีลูกค้าไปยืนรอคิวรับประทานกันหนาแน่นก็เพราะตรงนี้แหละครับ การรักษารสชาติดั้งเดิมโดยใช้วัตถุดิบชั้นดีและด้วยฝีมือคงที่ จึงทำให้ร้านเคะยากิเป็นร้านในดวงใจของคนซัปโปโรของคนญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในสองของซัปโปโรราเมนที่เป็นสุดยอดของผม คู่กับร้านซูมิเระ (Sumire) ที่ผมคงจะได้แนะนำกันในโอกาสต่อไป

ถ้าจะไปที่ร้านเคะยากิ ที่ซูซูกิโนะ ก็เริ่มต้นที่สี่แยกน้ำเมา หันหน้าเข้าซูซูกิโนะ หันหลังให้ฝั่งถนนโอโดริ หรือย่านทานูกิโคจิ เดินตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายตรงทางแยกที่สอง เดินไปประมาณกลางซอย ร้านเคยากิจะอยู่ฝั่งขวามือ เป็นร้านเล็กๆ ดูโทรมไปบ้าง แต่จะเห็นคนเข้าคิวอยู่มาก เผลอแป๊บเดียวมีคนมาต่อคิวตัดหน้าซะงั้น ระหว่างอยู่ในคิวก็จะมีเจ้าหน้าที่ของร้านมารับออร์เดอร์ มาร้านนี้ต้องสั่งมิโสะราเมน ราคา 850 เยน เขาจะกะเวลาพอถึงคิวเราเข้าไปนั่ง ก็จะเริ่มลงมือทำและเสิร์ฟความอร่อยขนานแท้ ที่ร้อนจนลวกปากได้ง่ายๆ สูดเส้นไปซดน้ำซุปไป ความสุขอยู่ไม่ไกล ก็ราเมนชามโตตรงหน้าคุณนั่นเอง

ข่าวล่าสุด

รองนายกฯ “เอกนิติ” มอบรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประจำปี 2568