posttoday

การใช้ Futures เพื่อจำกัดความเสี่ยง 2

25 มีนาคม 2559

โดย บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)

โดย บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)

สัญญา Futures ที่ซื้อขายในตลาด TFEX เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ผู้ลงทุนสามารถเลือกใช้บริหารความเสี่ยงควบคู่ไปกับพอร์ตลงทุนหุ้น โดย TFEX มีการเปิดซื้อขาย SET50 Index Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับดัชนีหุ้น SET50 และ Single Stock Futures หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงอยู่กับหุ้นรายตัว (ปัจจุบันมีการซื้อขายทั้งสิ้น 69 หุ้น) ทั้งนี้ การลงทุนใน Futures เปิดโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถขาย หรือ Short สินค้าอ้างอิงได้โดยไม่จำเป็นต้องถือครองสินค้าอ้างอิงอยู่ก่อน จึงทำให้ผู้ลงทุนมีทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุนหุ้น โดยเปิดสถานะขาย หรือ Short Position ใน Single Stock Futures โดยไม่ความจำเป็นต้องขายหุ้นที่ตนเองถือครองอยู่ออกไป อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการบริหารความเสี่ยงในสัญญาฟิวเจอร์สในแต่ละช่วง อาจจะเปลี่ยนแปลงไปเพราะได้รับผลกระทบจากการจ่ายเงินปันผลของหุ้นอ้างอิงนั้นๆ ซึ่งผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเพิ่มเติม

ทั้งนี้ ราคา Futures ซึ่งเป็นราคาในอนาคต กับราคาของสินค้าอ้างอิงที่เป็นราคาในปัจจุบัน (Spot) จะมีความแตกต่างกันเนื่องจากหลายปัจจัย เช่น อัตราดอกเบี้ย (ต้นทุนของเงินลงทุน) การคาดการณ์ราคาของสินทรัพย์อ้างอิงในอนาคต หรือ ค่าเก็บรักษาสินค้าอ้างอิง เป็นต้น แต่โดยทั่วไปแล้วการเคลื่อนไหวของราคา Futures และราคา Spot มักจะไปในทิศทางเดียวกันด้วยระดับราคาที่เปลี่ยนแปลงใกล้เคียงกัน (ค่า Correlation ใกล้เคียง 1) ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนสามารถใช้ Futures เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้าอ้างอิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการถือครอง Futures จะส่งผลให้ผู้ลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนจากการถือครองสินค้าอ้างอิง ส่งผลให้ความสัมพันธ์ของราคา Futures และราคา Spot ในช่วงที่มีการจ่ายเงินปันผลอาจเคลื่อนไหวแตกต่างกันได้ เช่น หากผู้ลงทุนถือครอง Single Stock Futures และหุ้นดังกล่าวจ่ายเงินปันผล ผู้ลงทุนใน Single Stock Futures จะไม่ได้รับเงินปันผล จึงจะส่งผลให้ราคาของ Single Stock Futures อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าราคาของหุ้นที่อ้างอิงอยู่ ซึ่งจะอาจส่งผลให้การเคลื่อนไหวของราคา Futures และราคา Spot ไม่สอดคล้องกัน และทำให้ช่องว่างระหว่างราคาทั้งสองกว้างกว่าภาวะปกติได้
เพื่อให้เห็นภาพดังกล่าวชัดเจนขึ้น จึงจะขอยกตัวอย่างในกรณีของสัญญา JASH16 (Single Stock Futures ซึ่งอ้างอิงอยู่กับหุ้น JAS หมดอายุในเดือนมีนาคม 2016) โดยเมื่อพิจารณาราคาย้อนหลังเปรียบเทียบกับราคาหุ้น JAS แล้วจะพบว่าโดยทั่วไปราคาของ JASH16 จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับราคาของหุ้น JAS และอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถบริหารความเสี่ยงของการถือครองหุ้น JAS ได้ด้วยการเปิดสถานะ Short ใน JASH16 ซึ่งหากราคาหุ้น JAS ปรับตัวสูงขึ้นผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น แต่จะขาดทุนจากสถานะ Short ใน JASH16 ในทางกลับกัน หากราคาหุ้น JAS ปรับตัวลดลง ผู้ลงทุนจะขาดทุนจากมูลค่าหุ้นที่ลดลง แต่ก็จะได้รับกำไรจาก JASH16 มาทดแทน

ในช่วงที่ใกล้กับการจ่ายเงินปันผลของบริษัท JAS ในวันที่ 22 มกราคม 2016 ราคาหุ้น JAS และ JASH16 ยังคงอยู่ใกล้เคียงกันที่ระดับประมาณ 3 บาทต่อหุ้น ต่อมาในวันที่ 25 มกราคม 2559 ซึ่งเป็นวันที่บริษัท JAS ประกาศอัตราเงินปันผลที่ 0.30 บาทต่อหุ้น อย่างเป็นทางการ ส่งผลให้ราคาของหุ้น JAS ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ราคา 3.10 บาท ในขณะที่สัญญา JASH16 ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 2.84 บาท หรือต่ำกว่าราคาหุ้น JAS ประมาณ 0.30 บาทต่อหุ้นในทันที สะท้อนระดับเงินปันผลที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับ ในกรณีนี้ผู้ลงทุนที่บริหารความเสี่ยงด้วย JAS Futures ไว้ จะได้รับกำไรจากทั้งมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้น และจากสถานะ Short JASH16 ที่ราคาปรับตัวลดลง


ทั้งนี้ ช่องว่างระหว่างราคา JAS และ JASH16 ยังคงอยู่อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2559 ซึ่งเป็นวันที่หุ้น JAS ขึ้นสัญลักษณ์ XD ช่องว่างดังกล่าวจึงหายไป โดยราคาหุ้น JAS ปรับตัวลดลงมาจากระดับประมาณ 3 บาทมาอยู่ที่ 2.78 บาท ในขณะที่ราคา JASH16 ปรับตัวขึ้นมาจาก 2.64 บาท มาอยู่ที่ 2.76 บาท ส่งผลให้ราคา JASH16 และราคาหุ้น JAS กลับมาใกล้เคียงกันเช่นภาวะปกติ ซึ่งส่งผลให้ผู้ลงทุนจะได้รับผลขาดทุนทั้งจากมูลค่าหุ้นที่ปรับลดลง และจากสถานะ Short JASH16 ที่ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น

จะเห็นได้ว่า หากผู้ลงทุนใช้ Single Stock Futures บริหารความเสี่ยงในช่วงเวลาที่ประกาศเงินปันผลและ/หรือช่วงที่หุ้นขึ้นสัญลักษณ์ XD จะส่งผลให้ไม่สามารถบริหารความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากการเคลื่อนไหวของราคาที่ผิดปกติและช่องว่างราคาที่เกิดขึ้นจากเงินปันผล ดังนั้น ผู้ลงทุนจะต้องพิจารณาถึงปัจจัยดังกล่าวก่อนจะเลือกใช้ Single Stock Futures เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง นอกจากนี้แล้ว ผู้ลงทุนยังควรคำนึงถึงลักษณะเฉพาะของการลงทุนใน Futures ที่สำคัญ เช่น การบริหารเงินหลักประกัน หรือ Margin Management และการที่ Futures เป็นสัญญาที่มีวันหมดอายุ เป็นต้น สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากโบรกเกอร์ที่ท่านใช้บริการ หรือ เว็บไซต์ www.tfex.co.th

 

ข่าวล่าสุด

วปอ.68 มอบตาข่ายป้องกันโดรน ทิ้งระเบิด และสิ่งของ ช่วยทหารชายแดนภาค 2